อุทาหรณ์! คนไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า .. ทำเอาเป็น “อัมพฤกษ์” รักษามานานเป็นปียังไม่เหมือนเดิม
Burapanews รายงานว่า กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Vishita Punranuu ได้แชร์ประสบการณ์ชีวิต เมื่อเธอกลายเป็นผู้ป่วยสมองตีบ อัมพาตครึ่งตัว เหตุเพราะไม่ดื่ม “น้ำเปล่า” มานานหลายปี เธอโดยระบุว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยดื่มน้ำเปล่าเลย โดยดื่ม นมเปรี้ยว ชา โกโก้ น้ำอัดลม น้ำสี น้ำผลไม้ เครื่องดื่มชู แทน เพราะคิดว่ายังไงมันก็คือน้ำ
จนเมื่อปีที่แล้ว เริ่มมีอาการปวดหัว แต่กินยาก็หาย เป็นแบบนี้อยู่เดือนสองเดือน เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 65 ขณะกำลังเข้าห้องน้ำจู่ๆ ก็เหมือนคนปิดไฟแล้วเปิด พอลุกขึ้นยืนตัวก็เอียงซ้ายอัตโนมัติ ล้มทั้งยืน ปากเบี้ยว ชาครึ่งซีกซ้าย อาเจียน ที่บ้านพาฉันส่ง รพ. ภายใน 30 นาที
เมื่อทำ MRI ผลปรากฏว่า “เส้นเลือดในสมองตีบ สมองบวม ถ้าไม่หยุดบวม ต้องผ่าสมอง นอนไอซียู ดูอาการ 2 คืน” ตรวจสอบหาสาเหตุหัวใจ ทุกอย่างปกติ แต่ฉันเดินไม่ได้ ร่างกายซีกซ้ายของฉันไม่ทำงาน ตาตก ปากเบี้ยวพูดไม่ชัด อาบน้ำเองยังไม่ได้ เดินไม่ได้
ต้องอยู่ รพ. 1 อาทิตย์ ต้องกายภาพเพื่อจะให้กลับมาเดินได้ ช่วยเหลือ ตัวเองให้ได้ อีกครั้ง ฟื้นฟูตัวเอง อยู่ 2เดือนกว่า รักษาทุกอย่าง กินทุกยา ฝังเข็ม หมดหลายบาทมาก จนกลับมาเดินได้ ร่างกาย 80% ไม่เต็ม 100 แต่แค่นี้มันก็ดีมากแล้ว
สรุป ที่ป่วยครั้งนี้ เพียงเพราะ ร่างกาย ฉันไม่ได้รับน้ำเปล่า ทำให้เลือดข้น เลือดหนืด มาก ไหลเวียนช้า จับตัวเป็นก้อน ดีที่ไม่กระทบเส้นเลือดสมองด้านความจำ หรือ ทำให้แตกฉันคงไม่มีโอกาสได้เล่าเป็นวิทยาทานให้ทุกคนฟัง
ทุกวันนี้ผ่านมา 1 ปีแล้วก็ยังไม่หายดี เสียเงินค่ารักษา ค่ายาแพงมาก จึงอยากเตือนทุกคนไว้
ทั้งนี้ พญ.ศุภมาส เชิญอักษร แพทย์โรคทางเดินอาหารและตับ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี เปิดเผยถึงกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อปาล์ม มินิ โพสต์เล่าประสบการณ์ และถ่ายคลิปลงติ๊กต็อก ขณะเข้ารับการรักษาจากแพทย์แล้วก็ยังไม่หายดี ต้นเหตุมาจากไม่ดื่มน้ำเปล่านานหลายปี อาศัยดื่มน้ำอื่นๆ อาทิ นมเปรี้ยว ชา โกโก้ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ทดแทน กระทั่งเลือดหนืดมาก ไหลเวียนช้า จับตัวเป็นก้อน จนเส้นเลือดในสมองตีบ ว่า เคสนี้ไม่น่าเกี่ยวข้องกับการไม่ดื่มน้ำเปล่าตลอดทั้งปี เพราะได้ดื่มน้ำอื่น ซึ่งมีส่วนประกอบของเหลว เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นโรคอื่นๆ มากกว่า ที่ส่งผลต่อระบบประสาทผิดปกติ เช่น ภูมิแพ้ตนเอง หรือโรคเรื้อรังบางชนิด ส่งผลให้เลือดผิดปกติ หรืออักเสบเรื้อรังมากกว่า อีกทั้งดูแล้วผู้ป่วยอายุยังน้อย
ที่มา
https://www.sanook.com/news/8592258