สงครามใหญ่ในตะวันออกกลางเริ่มแล้ว
โดย สิริอัญญา
วันอังคารที่ 11 ตุลาคม 2565
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดกรณีกลุ่มก่อการร้ายที่ประเทศนักล่าอาณานิคมให้การสนับสนุนบุกเข้าโจมตีชายแดนอิหร่านจากด้านของประเทศอิรัก ทำให้กองกำลังปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านได้โจมตีตอบโต้อย่างรุนแรง และประกาศว่าบัดนี้เป็นเวลาและโอกาสที่ประเทศอิหร่านจะทำสงครามปกป้องดินแดนอิสลามต่อภายนอกประเทศได้แล้ว
หลังจากนั้นบรรดากองทหารและกองกำลังปฏิวัติอิสลาม ตลอดจนกองกำลังอาสาสมัครปฏิวัติอิสลามทั่วทั้งอิหร่าน รวมทั้งในอิรักและซีเรียได้พากันเฉลิมฉลองกันเป็นการใหญ่ และอำลาลูกเมียเพื่อจะไปปฏิบัติภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นเจ้า
นับตั้งแต่เกิดวิกฤตความขัดแย้งในตะวันออกกลางเป็นต้นมา อิหร่านไม่เคยถูกโจมตีจากกองกำลังนอกประเทศ ดังนั้นอิหร่านจึงตั้งรับอยู่เฉพาะภายในดินแดนของตัว แม้จะรู้ว่าผู้ก่อการร้ายเหล่านั้นมาจากที่ใด แต่เมื่อไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนจึงยังไม่อาจถือว่าอิหร่านถูกรุกรานจากกองกำลังภายนอกประเทศ จึงจำใจจำยอมตั้งรับการโจมตีมาเป็นเวลานานแล้ว
ทำไมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอิหร่านจึงเป็นฝ่ายตั้งรับตลอดมา และทำไมกองทัพอิหร่านจึงไม่สามารถเคลื่อนกำลังออกนอกประเทศได้?
นั่นเป็นเพราะความเคารพและความเชื่อมั่นที่ชาวอิหร่านซึ่งเป็นมุสลิมนิกายชีอะห์มีต่อท่านอิหม่ามอาลี ซึ่งเป็นบุตรเขยของพระศาสดานะมีมูฮัมหมัด และเป็นผู้รับสืบทอดภารกิจของพระศาสดา เป็นปฐมอิหม่ามของมุสลิมนิกายชีอะห์
ในการรับมอบหมายภารกิจนั้น พระศาสดาได้มอบแหวนประจำพระองค์ให้แก่ท่านอิหม่ามอาลีเพื่อเป็นสัญลักษณ์การมอบหมายภารกิจในการสืบทอดภารกิจของท่านศาสดา ดังนั้นจึงมีการสืบทอดภารกิจของผู้นำสูงสุดของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ โดยใช้แหวนประจำพระองค์นี้เป็นสัญลักษณ์ตลอดมา
จนกระทั่งปัจจุบันนี้แหวนประจำพระองค์ของพระศาสดาได้ตกทอดมาถึงท่านอยาตุลเลาะห์ ซัยยิดอาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านในปัจจุบัน ซึ่งคนทั้งหลายแทบไม่เคยทราบข่าวคราวหรือเรื่องราวเกี่ยวกับแหวนประจำพระองค์นี้
ความจริงเรื่องราวของแหวนประจำพระองค์พระศาสดาที่ตกทอดมาถึงท่านอยาตุลเลาะห์ ซัยยิดอาลี คาเมนี นี้ก็เคยปรากฏเป็นข่าวครั้งหนึ่งเมื่อครั้งที่กองทัพไทยส่งทหารเข้าไปช่วยอิรัก ในครั้งนั้นพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้รับผิดชอบความมั่นคง ไม่อาจปฏิเสธไม่ปฏิบัติตามคำขอสหรัฐในการส่งทหารไทยไปอิรักได้ แต่การไปอิรักของทหารไทยนั้นจะไปทำสงคราม ไปสังหารเข่นฆ่าชาวมุสลิมอิรักก็จะเป็นอันตรายต่อประเทศไทย เพราะไทยจะกลายเป็นศัตรูกับมุสลิมทั้งโลก และจะได้ชื่อว่าเป็นผู้รุกรานดินแดนแห่งอิสลาม เนื่องจากอิรักนั้นมีศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์สำคัญ 1 ใน 3 ของศาสนาอิสลาม ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนอิสลามเต็มตัว
จะไม่ส่งทหารไทยไปอิรักก็ไม่ได้ จะไปรบราฆ่าฟันกันก็ไม่ได้ ดังนั้นพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ จึงหาทางออกด้วยการขอความช่วยเหลือจากท่านผู้นำสูงสุดมุสลิมนิกายชีอะห์ประจำประเทศไทย คือท่านซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี ให้ประสานงานกับสำนักงานผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ซึ่งในช่วงนั้นอิหร่านเป็นประธานการประชุมสภาผู้นำศาสนาอิสลามทั่วทั้งโลก
ในที่สุดก็ตกลงกันว่าทหารไทยไปอิรักเพื่อมนุษยธรรม ปืนทุกกระบอก กระสุนทุกนัดของทหารไทยจะไม่ทำร้ายมุสลิมเป็นอันขาด แต่จะไปช่วยเหลือชาวมุสลิมในอิรักให้ปลอดภัยและมีความเป็นอยู่ที่ดี
ดังนั้นผู้นำสูงสุดแห่งอิหร่านในฐานะผู้นำสภาศาสนาอิสลามโลกในครั้งนั้นจึงได้ออกคำฟัตตวาระดับโลกว่าทหารไทยไปอิรักในฐานะอุ้งหัตถ์แห่งพระเป็นเจ้า มุสลิมทุกคนไม่มีสิทธิ์และต้องห้ามมิให้ทำร้ายทหารไทยโดยเด็ดขาด คำฟัตตวาครั้งนั้นได้ประทับตราด้วยหัวแหวนประจำพระองค์ของพระศาสดาที่ประหนึ่งเป็นตราลัญจกรอันศักดิ์สิทธิ์ ทหารไทยจึงปลอดภัยทุกประการ
ท่านปฐมอิหม่ามแห่งมุสลิมชีอะห์ได้มีคำสั่งเสียปรากฏชัดในฮะดิษหนึ่งว่าห้ามกองทัพอิหร่านเคลื่อนออกไปรบนอกประเทศ เว้นแต่จะถูกศัตรูรุกรานโจมตีก่อน และในอนาคตกาลจะมีกองทัพซุบยานี (กองทัพของนักล่าอาณานิคม) บุกโจมตีอิหร่าน และจะถูกกองทัพอิหร่านโจมตีตอบโต้จนแตกพ่ายไป และในห้วงเวลานั้นท่านอิหม่ามมะฮ์ดี อิหม่ามองค์ที่ 12 ซึ่งเป็นพระผู้มาโปรดพระองค์ใหม่ของชาวโลกก็จะปรากฏพระองค์ขึ้น นำกองทัพของพระเป็นเจ้าโจมตีข้าศึกจนพ่ายแพ้ไป
ดังนั้นการที่อิหร่านถูกโจมตีจากกองกำลังภายนอกประเทศที่มีนักล่าอาณานิคมสนับสนุนจึงต้องด้วยคำสั่งเสียของท่านอิหม่ามอาลี และเป็นสัญญาณหมายว่าบัดนี้กองทัพซุบยานีโจมตีอิหร่านแล้ว อิหร่านจึงพ้นจากข้อต้องห้ามในการเคลื่อนกองทัพออกนอกประเทศ และกองทัพอิหร่านจะสามารถรุกตอบโต้ทำลายกองทัพซุบยานีได้ตามที่ปรากฏในคำพยากรณ์นั้น
ที่สำคัญที่สุดคืออุดมการณ์สูงสุดของชาวมุสลิมชีอะห์คือการเฝ้ารอคอยพระผู้มาโปรดพระองค์ใหม่จะปรากฏพระองค์ นั่นคือการปรากฏพระองค์ของอิหม่ามมะฮ์ดี ซึ่งวันเวลาของผู้รอคอยทั้งหลายได้รับสัญญาณหมายว่าใกล้มาถึงเต็มทีแล้ว เหตุนี้จึงมีการเฉลิมฉลองสั่งเสียอำลาครอบครัวเพื่อเข้าร่วมกองทัพของพระผู้มาโปรดพระองค์ใหม่
ปรากฏการณ์ที่คนทั้งโลกแทบไม่เข้าใจนี้เป็นสัญญาณหมายอันสำคัญว่านับแต่วันนี้ไปยักษ์ใหญ่ที่พร้อมเผชิญหน้ากับอสูรสงครามของโลกในตะวันออกกลาง ที่ทนถูกโขกสับมานานนับครึ่งศตวรรษได้พ้นออกจากพันธนาการคำสั่งเสียของท่านอิหม่ามอาลีแล้ว นั่นคือสัญญาณหมายของสงครามใหญ่ในตะวันออกกลางที่กำลังประสานแนบแน่นกับสถานการณ์สงครามในยุโรปและในแปซิฟิก
ยุคสมัยที่อสูรสงครามจะดับดิ้นสิ้นชีวิตไป และยุคสมัยแห่งสันติภาพนิรันดรกำลังใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว
ก็ต้องบอกว่าอิหม่ามมะฮ์ดีนั้นแม้เป็นอิหม่ามองค์ที่ 12 ของศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ แต่ก็เป็นพระองค์เดียวกันกับเมสสิอาห์ของพี่น้องชาวคริสต์และเป็นองค์เดียวกับพระศรีอริยเมตไตรยพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลของชาวพุทธ.