Burapanews
  • หน้าหลัก
  • ในประเทศ
  • ต่างประเทศ
    • ตะวันออกกลาง
    • ยูโรป
    • ลาตินอเมริกา
    • สหรัฐ
    • เอเชียแปซิฟิก
    • แอฟริกา
  • เทคโนโลยี
  • กีฬา
  • วิเคราะห์ข่าว
  • ไลฟ์สไตล์
No Result
View All Result
Burapanews
Home ต่างประเทศ ตะวันออกกลาง

คณะผู้บัญชาการกองทัพอากาศ พร้อมบรรดาเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศหลายร้อยนาย เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี

มีนาคม 15, 2023
in ตะวันออกกลาง, ต่างประเทศ
0
คณะผู้บัญชาการกองทัพอากาศ
0
SHARES
1
VIEWS
Share on FacebookShare on Twitter

Related posts

กองกำลังติดอาวุธกะเหรี่ยง

กองกำลังติดอาวุธกะเหรี่ยง KNLA ผนึกกำลังโจมตีค่ายทหารเมียนมา

มีนาคม 25, 2023
ทนายนกเขา

ทนายนกเขา เชื่อผู้นำจีนจ่อผงาดเป็นบุคคลเบอร์หนึ่งโลกแทนที่สหรัฐ

มีนาคม 25, 2023

คณะผู้บัญชาการกองทัพอากาศ พร้อมบรรดาเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศหลายร้อยนาย เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี

Burapanews สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า คณะผู้บัญชาการกองทัพอากาศ พร้อมบรรดาเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศหลายร้อยนาย เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพ ซึ่งประจวบเหมาะกับวันที่ 19 เดือนบาห์มัน ปี1357 (ปฏิทินอิหร่าน) และตรงกับวันแห่งการให้สัตยาบันทางประวัติศาสตร์ต่อท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ของคณะผู้บัญชาการของกองทัพอากาศจำนวนหนึ่ง

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวในการพบปะกันครั้งนี้ ด้วยการเทอดเกียรติต่อกองทัพแห่งศรัทธาของนักการปฏิวัติอิสลามที่สร้างเกียรติและศักดิ์ศรีและเป็นที่รักของประชาชน ทั้งยังสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่และน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง โดยท่านถือว่า เหตุการณ์ในวันที่ 19 เดือนบะห์มัน ปี1357 เป็นปัจจัยที่สำคัญและก่อให้เกิดคลื่นมหาชนแห่งชัยชนะของการปฏิวัติอิสลามในวันที่ 22 เดือนบะห์มันในปีนั้น และยังเป็นการบุกเบิกและสร้างขวัญกำลังใจให้อีกด้วยในวันที่ 22 เดือนบะห์มันในปีต่างๆ หลังจากการปฏิวัติอิสลาม และท่านผู้นำยังได้กล่าวอธิบายถึงเป้าหมายหลักของศัตรูที่จะทำให้สาธารณรัฐอิสลามต้องยอมจำนนและการบ่อนทำลายด้วยการสร้างความแตกแยกและการไม่ไว้วางใจ โดยท่านได้เน้นย้ำว่า “หน้าที่ๆสำคัญที่สุดในการเผชิญหน้ากับแผนการชั่วร้ายนี้ คือ การรักษากลยุทธ์แห่งเอกภาพและด้วยเตาฟีก (ความสำเร็จ) ของพระผู้เป็นเจ้า ในวันที่ 22 เดือนบะห์มันของปีนี้ จะเป็นการสำแดงความสามัคคีและความไว้วางใจที่มีต่อชาติ และประชาชนก็จะส่งสารที่ชัดเจนนี้ไปยังเหล่าผู้ที่ประสงค์ร้ายทุกคนว่า ความพยายามของพวกเหล่านั้นในการสร้างความไม่ไว้วางใจและการบ่อนทำลายความสามัคคีของชาติ จะไม่สัมฤทธิ์ผลอย่างแน่นอน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า เหตุการณ์ในวันที่ 19 เดือนบะห์มัน เป็นปฐมบทที่มีประสิทธิภาพและการสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนสำหรับวันที่ 22 เดือนบะห์มัน และยังแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และเกียรติยศของประชาชาติอิหร่าน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “วันที่ 22 เดือนบะห์มัน คือจุดสูงสุดของการเคลื่อนไหวอันน่าภาคภูมิใจของประชาชาติอิหร่านและเป็นการรำลึกถึงวันแห่งความรุ่งโรจน์ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของประชาชาติอิหร่านที่ประชาชนต่างได้สร้างเกียรติ ศักดิ์ศรี ความยิ่งใหญ่ และการมีอำนาจให้เกิดขึ้นในวันนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำให้เห็นว่า วันที่ 22 เดือนบะห์มัน จะยังคงอยู่ต่อไปในอนาคต เช่นเดียวกับที่ยังคงรักษาไว้จนถึงปัจจุบัน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การปฏิวัติที่มีชีวิตชีวา คือการปฏิวัติที่รักษาขนบประเพณีของตนให้คงอยู่ และการรู้จักถึงความต้องการและอันตรายต่างๆที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในทุกยุคสมัย ด้วยการแก้ปัญหาความต้องการเหล่านั้นและการกำจัดอันตรายต่างๆ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความล้มเหลวหรือการกลับมาอีกครั้งของระบอบเผด็จการที่แข็งกร้าวและขมขื่นในการปฏิวัติครั้งใหญ่ของโลก เช่น การปฏิวัติในฝรั่งเศสและในสหภาพโซเวียต เป็นการเพิกเฉยต่อความต้องการและอันตรายต่างๆ ตลอดจนการสาละวนกับปัญหาและข้อพิพาทส่วนตัว โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การปฏิวัติอิสลาม ได้ปกป้องตัวเองให้พ้นจากภัยพิบัติเหล่านี้ แน่นอนว่า เราเองนั้นก็มีปัญหาต่างๆเช่นกัน ทั้งความเพียรพยายามและการวินิจฉัยที่ไม่เหมือนกันในรัฐบาลต่างๆ แต่ทว่ามีการขับเคลื่อนโดยทั่วไป ถือเป็นการขับเคลื่อนที่นำไปสู่จุดสูงสุด ทั้งความก้าวหน้าทางวัตถุและทางจิตวิญญาณ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นว่า การมีนวัตกรรมใหม่ ความก้าวหน้า และตรรกะที่แข็งแกร่งของประชาชาติอิหร่านในเวทีด้านต่างๆมากมาย ซึ่งถือว่า การเข้าร่วมของบรรดาเยาวชนที่โดดเด่นของทศวรรษที่ 80 ในพิธีการอิอ์ติกาฟของปีนี้ เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการเติบโตของชาติ โดยท่านกล่าวว่า “พวกท่านทั้งหลายเห็นแล้วใช่มั้ยว่า พวกเหล่านั้นต่างได้กุเรื่องตลกที่ไร้สาระเกี่ยวกับเยาวชนของทศวรรษที่ 80 แต่ทว่า ตามสถิติและการรายงานต่างๆระบุว่า มีผู้เข้าร่วมในพิธีอิอ์ติกาฟจำนวนมากที่เป็นเยาวชนในทศวรรษที่ 80”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความจำเป็นสำหรับการให้ชีวิตและการมีพลวัตของการปฏิวัติอิสลาม คือ การให้ความสนใจในการตอบสนองต่อความต้องการต่างๆ โดยท่านได้ชี้และเน้นย้ำให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับความต้องการขั้นพื้นฐานและที่สำคัญ กล่าวคือ ความสามัคคีของชาติ โดยท่านกล่าวว่า “ความสามัคคีของชาตินั้นมีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างมากในชัยชนะและความก้าวหน้าของการปฏิวัติอิสลาม และเป็นอุปสรรคและเป็นกำแพงที่แข็งแกร่งในการต่อสู้กับศัตรู ซึ่งความสามัคคีนี้ ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากที่สุดในวันนี้อีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า แผนการร้ายและเป้าหมายที่ชัดเจนของศัตรูในการต่อต้านรัฐอิสลาม คือ การทำให้สาธารณรัฐอิสลามต้องยอมจำนน โดยท่านกล่าวว่า “แน่นอนว่า พวกเหล่านั้นตรงกันข้ามกับเมื่อประมาณ 15 ปีที่ผ่านมา ที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในยุคสมัยนั้นได้เขียนจดหมายถึงข้าพเจ้าอย่างชัดเจน โดยระบุว่า เราไม่ได้มีเจตนาที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของท่าน แต่ในเวลานั้นเอง เราเองก็ได้รับรายงานเหมือนกันว่า พวกเหล่านั้นกำลังวางแผนที่จะทำลายสาธารณรัฐอิสลาม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้อธิบายถึงเหตุผลสำหรับความพยายามของเหล่าผู้ประสงค์ร้ายที่จะทำลายสาธารณรัฐอิสลาม โดยท่านกล่าวว่า “สาธารณรัฐอิสลาม ได้ทำให้ภูมิภาคที่สำคัญทางยุทธศาสตร์และเต็มไปประโยชน์นี้ หลุดพ้นออกจากเงื้อมมือของพวกเหล่านั้น นอกจากนี้ ยังได้เรียกร้องให้มีเอกราชและไม่จ่ายค่าไถ่ โดยที่ไม่ใช่เฉพาะกับประเด็นทางการเมืองเท่านั้น แต่นี่คือประเด็นทางด้านความเชื่อทางศาสนานั่นเอง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “บางประเทศ อาจมีความต้องการนโยบายความเป็นเอกราชจากสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน แต่ทว่านโยบายนี้ จะถูกแทนที่ด้วยการค้าขาย การเจรจา การนั่งโต๊ะเจรจา และอาจจะเป็นการจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับผู้ที่มีอำนาจ ดังที่พวกท่านเห็นในตัวอย่างต่างๆในโลก แต่เอกราชและการไม่จ่ายค่าไถ่ของสาธารณรัฐอิสลามนั้นขึ้นอยู่กับความศรัทธาและอัลกุรอานยังได้เน้นย้ำไว้ว่า อย่าได้ไว้ใจต่อเหล่าผู้อหังการและไม่สามารถที่จะซื้อขายได้และผู้ใดก็ตามที่มีความเต็มใจก้าวข้ามความเชื่อนี้ เขาจะสูญเสียคุณสมบัติความเหมาะสมในการทำงานในระบอบสาธารณรัฐอิสลามอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม หลังจากที่ได้อธิบายถึงเป้าหมายของศัตรู หมายถึง การยอมจำนนของสาธารณรัฐอิสลามและเหตุผลของความเป็นปฏิปักษ์ต่างๆ ด้วยการอธิบายเกี่ยวกับกลยุทธ์ของเป้าหมายเหล่านี้ โดยท่านกล่าวว่า “กลยุทธ์ของพวกเหล่านี้ คือ การสร้างความแตกแยก เพราะว่า ในสภาพเช่นนี้ จะทำให้ไม่มีความหวังในอนาคตอีกต่อไป”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “การมองโลกในแง่ร้าย ระหว่างกลุ่มการเมือง การไม่ไว้วางใจของประชาชนต่อกันและกันและต่อรัฐบาล การมีวิสัยทัศน์ที่ไม่ดีต่อองค์กรต่างๆ ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการบรรลุเป้าหมายของเหล่าผู้ประสงค์ร้ายที่มีต่ออิหร่าน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “แน่นอนว่า ความแตกต่างนั้นมีอยู่ แต่อย่าได้ทำให้กลายเป็นความแตกแยก เหมือนดังเช่นที่ได้มีการถกเถียงในประเด็นผู้หญิงและในบางครั้งมีข้อพิพาทเกี่ยวกับประเด็นชีอะฮ์และซุนนีและบางครั้งในประเด็นความแตกต่างระหว่างวัย เป็นต้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า กลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับการแพร่ขยายความแตกแยก คือ การสร้างเรื่องโกหกและการกระจายข่าวลือ โดยท่านได้เน้นย้ำว่า “ขณะที่ศัตรูต่างพุ่งเป้าโจมตีไปยังเอกภาพของชาติ ก็จะต้องรักษาความสามัคคีและเอกภาพนี้และอย่าได้ปล่อยให้ความปรารถนาอันชั่วร้ายนี้ได้รับชัยชนะเป็นอันขาด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า วันที่ 22 เดือนบะห์มันของปีนี้ จะเป็นการสำแดงสัญลักษณ์ของความสามัคคีของชาติ โดยท่านกล่าวว่า “ด้วยเตาฟีก(ความสำเร็จ) ของพระผู้เป็นเจ้า จะทำให้วันที่ 22 เดือนบะฮ์มันของปีนี้ เป็นการสำแดงถึงการเข้าร่วม เกียรติยศ ความไว้วางใจของประชาชนต่อกันและกันและการสร้างความสามัคคีแห่งชาติอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “ข้าพเจ้า ขอให้คำแนะนำกับประชาชนที่ทรงเกียรติทุกคนว่า จะต้องพยายามเพื่อทำให้การเดินขบวนในวันที่ยิ่งใหญ่นี้และการขับเคลื่อนนี้ เป็นการสำแดงสัญลักษณ์ของความสามัคคีและความไว้วางใจที่มีต่อชาติ และจะต้องส่งสารที่ชัดเจนนี้ให้กับศัตรูที่พยายามจ้องทำลายความสามัคคีของชาติเห็นว่า จะไม่สัมฤทธิ์ผลอย่างแน่นอน และยังไม่สามารถแยกประชาชนออกจากกันและกันและออกจากรัฐอิสลามและสาธารณรัฐอิสลามได้ หรือการทำให้กลุ่มต่างๆของประชาชนก่อสงครามระหว่างกันอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า การมีความแตกต่างในวิสัยทัศน์และนโยบายนั้น ล้วนเป็นธรรมชาติทั้งสิ้น และถือว่าไม่มีปัญหาใดๆ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “แต่ทว่า ความแตกต่างเหล่านี้ จะต้องไม่นำไปสู่การปะทะกัน การใส่ร้ายป้ายสีและการสร้างเรื่องโกหกต่อกันและกัน ในขณะที่ จากการเผชิญหน้ากับกลยุทธ์ของศัตรู เราทั้งหมด จะต้องใช้กลยุทธ์นี้เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่าน ถือว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 เดือนบะห์มัน ปี 1357 เป็นปฐมบทที่มีประสิทธิภาพและเป็นการสร้างคลื่นมหาชนในชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การเผยแพร่ภาพของการให้สัตยาบันของกองทัพอากาศต่อท่านอิมามโคมัยนี ผู้สูงส่ง ในช่วงเวลานั้น ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลักในสถานการณ์ต่างๆ เพราะว่า เครื่องมือเดียวที่ทรราช ชาห์ปาห์ลาวี ผู้ต่ำต้อยและกดขี่ ใช้ในการปราบปรามประชาชน คือ กองทัพ แต่ทว่าประชาชนและนักการปฏิวัติอิสลามทั้งหลาย เมื่อเห็นว่า กองทัพมีทิศทางเดียวกันกับการปฏิวัติอิสลาม จึงมีขวัญกำลังใจและในทางตรงกันข้าม เหล่าผู้นำของทรราชและพวกสหรัฐที่คอยให้การสนับสนุนต่างได้พบกับความล้มเหลวทางจิตวิญญาณที่สำคัญแป็นอย่างยิ่ง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สาส์นที่สำคัญที่สุดของวันที่ 19 เดือนบะห์มัน 1357 แสดงให้เห็นว่า มีองค์ประกอบร่วมกันระหว่างกองทัพกับอนาคตของการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านกล่าวว่า “การเข้าร่วมของกองทัพอากาศในมัดรอซะฮ์ (โรงเรียนสอนศาสนา) อะลาวี ซึ่งใน สถานที่แห่งนี้ มีประชาชนหลายแสนคนต่างเดินทางมาเพื่อให้สัตยาบันต่อท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) แสดงให้เห็นว่า กองทัพในอนาคตนั้น เป็นกองทัพของประชาชน นักการปฏิวัติ ผู้ศรัทธา และความเคร่งครัดต่อกฏระเบียบและมีความเสี่ยงในอันตราย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “ความเสี่ยงในอันตรายของเยาวชนทั้งหลายของกองทัพในการเผชิญหน้ากับเหล่าผู้รุกรานในวันนั้น กล่าวคือ พวกอเมริกาและกษัตริย์ชาห์ปาห์ลาวี ในขณะที่สถานการณ์ของชะตากรรมของการปฏิวัติอิสลามยังไม่ชัดเจนและจะดำเนินการต่อไปในอีกหลายปีต่อมาและกองทัพยังได้ปกป้องการปฏิวัติอิสลามจากการเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ละเมิดทั้งหมด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ภาพลักษณ์ของท่านอิมามโคมัยนี ในวันที่ 19 เดือนบะห์มัน เป็นภาพลักษณ์ที่สำแดงให้เห็นถึงพลังอำนาจ เกียรติยศ ความศรัทธาที่ไม่สั่นคลอน และความแข็งแกร่ง ดุจดั่งภูผาดะมาวันด์ และในขณะเดียวกัน พร้อมด้วยการมีมุมมองแห่งความเมตตาและความเป็นบิดาต่อเยาวชนทั้งหลายในกองทัพของระบอบกษัตริย์ชาห์ปาห์ลาวี โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “กองทัพได้ยืนเคียงข้างประชาชน และยังคงสภาพของการเป็นนักปฏิวัติ ซึ่งประเด็นการเป็นนักปฏิวัติ ถือเป็นประเด็นที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะว่า บางคนที่เป็นนักปฏิวัติ แต่ไม่ได้คงสภาพของความเป็นนักปฏิวัติอยู่ต่อไป แต่ทว่า กองทัพของสาธารณรัฐอิสลามนั้นยังคงสภาพของความเป็นนักปฏิวัติอยู่ตราบจนถึงวันนี้ ที่ระดับนักปฏิวัติสูงเพิ่มขึ้น มีความศรัทธามากกว่า และมีความบริสุทธิ์ที่มากกว่าในช่วงวันแรกๆและเมื่อใดก็ตามที่มีความจำเป็น พวกเขาก็จะเข้าร่วมด้วยความกล้าหาญและการเสียสละอยู่เคียงข้างประชาชน รวมทั้งการยืนหยัดในการป้องกันประเทศอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เปรียบเทียบกองทัพในปัจจุบันกับกองทัพของยุคปาห์ลาวี แสดงให้เห็นว่า การปฏิวัติอิสลามนั้นมีอำนาจและขีดความสามารถสำหรับการบรรลุสู่ภารกิจที่ยิ่งใหญ่ และท่านผู้นำได้อธิบายถึงตัวอย่างต่างๆ เช่น การทำลายกองทัพที่ทะเยอทะยานและเต็มไปด้วยข้ออ้างของเรซาข่าน ในหลายชั่วโมงต่อมา หลังจากการปะทะกันกับการโจมตีเมื่อเดือนชะฮ์เรวัร ปี 1320 หรือความร่วมมือของกองทัพมูฮัมหมัดเรซากับสายลับของอเมริกาและอังกฤษในวันที่ 28 เดือนมุรดาด ปี 1322 ในการต่อต้านรัฐบาลแห่งชาติและประชาชน โดยท่านกล่าวว่า “ในวันนั้น เป็นกองทัพที่ไร้อัตลักษณ์ ถูกกดขี่และอยู่ภายใต้แอกของพวกต่างชาติ ซึ่งนายทหารระดับนายพลไม่กล้าที่จะพูดต่อหน้ากับนายทหารนายหนึ่งของสหรัฐฯ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า กองทัพในปัจจุบัน เป็นสัญลักษณ์ของเอกราชและความแข็งแกร่ง เป็นที่ไว้วางใจและมีเกียรติของประชาชน และอยู่เคียงข้างประชาชนและเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา หากว่าในอดีตที่ผ่านมา แม้แต่การมีสิทธิในการครอบครองชิ้นส่วนของเครื่องบินที่ซื้อมาจากพวกสหรัฐ ยังไม่มีเลย แต่ทว่าในปัจจุบันนี้ แม้ว่าจะถูกคว่ำบาตรอยู่ก็ตาม แต่พวกเขาก็เป็นผู้ผลิตเครื่องบินและมีผลงานที่น่าอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ และสร้างเกียรติและความภาคภูมิใจให้กับประชาชน ดังตัวอย่างของมันที่ได้แสดงเมื่อวานนี้ที่ผ่านมา

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ผลลัพธ์ทางจิตวิญญาณของความพยายามเหล่านี้ เป็นความสำเร็จอันมีค่าสูงสุด หมายถึง ความเป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้า โดยท่านกล่าวถึงบรรดาทหารว่า “พวกท่านทั้งหลาย จงมีความภูมิใจ ที่พวกท่านนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพของสาธารณรัฐอิสลาม ทั้งประชาชาติและบรรดาเจ้าหน้าที่ต่างก็รู้จักคุณค่าของกองทัพ และพวกท่านจะต้องรู้จักคุณค่าของตัวเอง ด้วยการเสริมสร้างจุดแข็งและกำจัดจุดอ่อนของสถาบันทหาร”

ในช่วงท้ายของการปราศรัยของอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้กล่าวแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในซีเรียและตุรกีครั้งล่าสุด และขอความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้า จงมีแด่บรรดาผู้เสียชีวิต โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ต้องขอขอบคุณต่อพระองค์ที่บรรดาเจ้าหน้าที่ของประเทศของเราได้ให้การช่วยเหลือและจะดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง”

ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครั้งนี้ นายพลอากาศโท วาฮิดี ผู้บัญชาการกองทัพอากาศ ได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับการผลิตที่สร้างความหวังและการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพของกองทัพนี้ในภาคส่วนต่างๆทางวิทยาศาสตร์และฐานความรู้ต่างๆ การผลิตอุปกรณ์ยุทโธปกรณ์ การเตรียมการสู้รบ การฝึกอบรม การก่อสร้าง และความช่วยเหลือ

Tags: Burapanewsคณะผู้บัญชาการกองทัพอากาศตะวันออกกลางต่างประเทศอิหร่าน
Previous Post

ทางการอิหร่าน จับกุมผู้ต้องสงสัยกว่า 100 คน คาดเกี่ยวข้องวางยานักเรียนหญิงนับพันทั่วประเทศ

Next Post

โดรนสหรัฐฯ ตกในทะเลดำ หลังบินชนกับเครื่องบินรบรัสเซีย

Next Post
โดรนสหรัฐฯ

โดรนสหรัฐฯ ตกในทะเลดำ หลังบินชนกับเครื่องบินรบรัสเซีย

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

RECOMMENDED NEWS

นายกฯ กลับมาปฏิบัติภารกิจแรก ประชุมการบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัย ที่กระทรวงมหาดไทย

6 เดือน ago
เฟสบุ๊ค-อินสตาแกรม

เฟสบุ๊คและอินสตาแกรม อนุญาตให้ผู้ใช้งานใช้คำพูดรุนแรงและแสดงความเกลียดชังต่อกองทัพรัสเซียที่กำลังรุกรานยูเครน

1 ปี ago
สหประชาชาติ

วิกฤติความมั่นคงด้านอาหารโลกและสงครามในยูเครน เป็นประเด็นที่สำคัญในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติครั้งที่ 77

6 เดือน ago

นายพลอมาเกตดอน เผย เครื่องบินรบรัสเซีย จะยังคงปฏิบัติภารกิจในยูเครนเ ป็นสำคัญ

3 เดือน ago

BROWSE BY CATEGORIES

  • Uncategorized
  • กีฬา
  • ตะวันออกกลาง
  • ต่างประเทศ
  • ท่องเที่ยว
  • ยูโรป
  • ลาตินอเมริกา
  • วิเคราะห์ข่าว
  • สหรัฐ
  • สุขภาพ
  • เทคโนโลยี
  • เอเชียแปซิฟิก
  • แอฟริกา
  • ในประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์

BROWSE BY TOPICS

Burapanews การเมือง ขีปนาวุธ จีน ซาอุดีอาระเบีย ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง ตุรกี ต่างประเทศ นายกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี นาโต ประเทศไทย ปาเลสไตน์ ปูติน ฝรั่งเศส พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยุโรป ยูเครน รัสเซีย ศาลรัฐธรรมนูญ สงคราม สหรัฐ สหรัฐอเมริกา สหรัฐฯ สำนักข่าวต่างประเทศ อังกฤษ อาเซียน อินโดนีเซีย อิรัก อิสราเอล อิสลาม อิหร่าน อเมริกา เกาหลีใต้ เซเลนสกี เมียนมา เยเมน เอเชียแปซิฟิก โควิด โอมิครอน ในประเทศ ไต้หวัน ไทย ไบเดน

POPULAR NEWS

  • ประธานาธิบดียูเครน

    ประธานาธิบดียูเครน พ้อชาติตะวันตกและนาโต้ ปล่อยให้ยูเครนสู้อย่างเดียวดาย

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • ทำความรู้จัก กองพันนีโอนาซีของยูเครน กัน

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • ด่วน! กองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน แถลงการณ์ยอมรับอยู่เบื้องหลังการโจมตีฐานที่มั่นของมอสสาดของอิสราเอลในอิรัก

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • แหล่งข่าวซีเรีย แฉ สหรัฐฯปล่อยนักโทษไอซิสจากซีเรียไปร่วมสู้รบในยูเครน

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • ประวัติวันลอยกระทง กับวิถีใหม่ของประเพณีเก่า

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
Burapanews

Burapa news ขอเป็นทางเลือกใหม่ในการเข้าถึงข่าวสาร ทั่วโลก จากสำนักข่าวในประเทศและต่างประเทศ ที่เชื่อถือได้

Follow us on social media:

ข่าวล่าสุด

  • กองกำลังติดอาวุธกะเหรี่ยง KNLA ผนึกกำลังโจมตีค่ายทหารเมียนมา
  • ทนายนกเขา เชื่อผู้นำจีนจ่อผงาดเป็นบุคคลเบอร์หนึ่งโลกแทนที่สหรัฐ
  • บาหลี เรียกร้องรัฐบาลยกเลิก Visa on Arrival สำหรับชาวรัสเซียและยูเครน หลังพบลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย

ข่าวล่าสุด

กองกำลังติดอาวุธกะเหรี่ยง

กองกำลังติดอาวุธกะเหรี่ยง KNLA ผนึกกำลังโจมตีค่ายทหารเมียนมา

มีนาคม 25, 2023
ทนายนกเขา

ทนายนกเขา เชื่อผู้นำจีนจ่อผงาดเป็นบุคคลเบอร์หนึ่งโลกแทนที่สหรัฐ

มีนาคม 25, 2023
No Result
View All Result
  • หน้าหลัก
  • ในประเทศ
  • ต่างประเทศ
    • ตะวันออกกลาง
    • ยูโรป
    • ลาตินอเมริกา
    • สหรัฐ
    • เอเชียแปซิฟิก
    • แอฟริกา
  • เทคโนโลยี
  • กีฬา
  • วิเคราะห์ข่าว
  • ไลฟ์สไตล์