เกิดอะไรขึ้นภายในองคาพยพของซาอุดีอาระเบีย ?
Burapanews ทุกสื่อจงใจปกปิดความโกรธแค้นของประชาชนชาวซาอุฯ จนเกิดคำถามขึ้นมาว่า จะได้เห็นความโกรธแค้นของชาวซาอุฯต่อราชวงศ์ซาอูดในไม่ช้านี้หรือไม่ ?
ทุกวันนี้ ระบอบอัล-ซาอูดหมกมุ่นอยู่กับการจัดงานเทศกาลในดินแดนแห่งนี้ ซึ่งถูกเรียกว่าเป็นงานแห่ง “ความบันเทิง” เทศกาลดนตรี เทศกาลแฟชั่น ได้รับความสนใจและดึงดูดผู้คนมายังประเทศซาอุดีอาระเบีย
นอกเหนือจากเทศกาลเหล่านี้แล้ว ยังมีการเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับการวางข้อกำหนด ข้อบังคับเกี่ยวกับมัสยิด ในขณะเดียวกันก็เปิดเสรีให้กับเสียงดนตรีและการร้องรำทำเพลงในดินแดนแห่งนี้…
เรื่องราวชักจะเลยเถิดมากขึ้น เมื่อหนึ่งในเทศกาลเหล่านี้ จัดขึ้นในเมืองมะดีนะห์ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า เป็นเมืองแห่งจิตวิญญาณของมวลมุสลิม เป็นเมืองแห่งท่านศาสดาแห่งอิสลาม เป็นเมืองทางศาสนาสำหรับชาวมุสลิมทั่วโลก
ทุกวันนี้ รัฐบาลซาอุฯได้พยายามอย่างมากที่จะกล่าวถึงปรากฏการณ์เหล่านี้ว่าได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยมจากพี่น้องประชาชนซาอุฯ
แน่นอน เมื่อมีการตรวจสอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ ก็ชี้ให้เห็นว่าระบอบการปกครองนี้จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจตาม มีความต้องการที่จะปราบปรามประชาคมแห่งศาสนา (โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่มีความเชื่อสุดโต่ง) ในซาอุดีอาระเบียและทำให้เกิดการแบ่งเป็นสองขั้วขึ้น
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวและกระแสความอื้อฉาวเหล่านี้ในซาอุดิอาระเบียได้บานปลายไปถึงตูนิเซีย อียิปต์ และประเทศอื่นๆแล้ว
ยัง..ยังไม่ทั้งหมด ตอนนี้มีการเผยแพร่วิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า นอกจากการใช้ยาเสพติดในเทศกาลเหล่านี้แล้ว สตรีบางคนยังถูกล่วงละเมิดทางเพศในซาอุฯ อีกด้วย ซึ่งสร้างความโกรธแค้นให้กับชาวซาอุฯเป็นอย่างมาก
เจ้าหน้าที่แห่งระบอบการปกครองของซาอุฯ และเจ้าหน้าที่ทวิตเตอร์ได้ร่วมมือกันอย่างแข็งขันในการปกปิดกระแสความไม่พอใจและความโกรธของผู้คนในโลกไซเบอร์
ผู้ใช้บัญชีชาวซาอุดิอาระเบียได้เขียนเกี่ยวกับงานเทศกาลหนึ่งที่จัดขึ้น (Middle Bast)ว่า : นายไฟซอล มุสลิม หนึ่งในผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กกล่าวว่า: สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาในซาอุดีอาระเบีย ทั้งการเสพยาเสพติด การคุกคามผู้หญิง และความเสื่อมโทรมเหล่านี้ ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในตะวันตกด้วยซ้ำ
นอกจากนั้น งานเทศกาลอื่นที่จัดขึ้นในกรุงริยาดก็มีปฏิกิริยานี้เช่นเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น โมฮาเหม็ด อัล-ฮาเชมี อัล-ฮามิดี นักข่าวชาวตูนีเซียเขียนในเรื่องนี้ว่า : ” ฉันขอถามจริงๆว่า … คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นผู้สนับสนุน ผู้ปกป้องอาคารกะอฺบะฮฺ(คอดิมุลฮารอเมน) ในมักกะห์คือคนเดียวกันที่ให้การสนับสนุนงานเต้นรำและเต้นระบำในริยาด?”
เรื่องราวเหล่านี้ได้แพร่กระจายไปไกลกว่าซาอุดีอาระเบียแล้ว นักเคลื่อนไหวด้านสื่อของตูนิเซียได้กล่าวถึงบางประเด็นที่ควรค่าแก่การไตร่ตรองในการประท้วงต่อต้านระบอบการปกครองของซาอุดีอาระเบีย
โมฮาเหม็ด อัล-ฮาเชมี อัล-ฮามิดี นักข่าวชาวตูนิเซียได้เขียนบนทวีตเตอร์อีกครั้ง โดยกล่าวถึงผู้ติดตามคนหนึ่งของบิน ซัลมาน ที่บอกว่า “ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศของเรา และเรามีอิสระในสิ่งที่เราทำ คุณหรือใครก็ตามไม่มีสิทธิ์ที่จะแทรกแซงกิจการของเรา” ว่า : อิบนุ ซะอูด ได้ยึดครองดินแดนของผู้ถือสาส์นของพระเจ้าพร้อมสัญญาว่าจะปฏิบัติตามคัมภีร์ของพระเจ้าและแบบฉบับของท่านศาสดา บัดนี้ หากคุณได้ฝ่าฝืนพันธสัญญานี้แล้ว คุณก็ควรจะออกไปจากดินแดนนี้
การจำกัดการกระจายเสียงอะซานจากมัสยิดในซาอุดีอาระเบียและการเปิดเสียงดนตรีให้ดังกระหึ่มก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้สังคมส่วนหนึ่งโกรธแค้นอย่างมากต่อระบอบปกครองอัล-ซาอูด
ดังที่นักข่าวชาวซาอุดิอาระเบีย นายตุรกี ชะฮาบ เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า : บิน ซัลมาน สั่งให้ลดระดับเสียงของเครื่องขยายในมัสยิด โดยอ้างว่าเสียงของมันไปรบกวนผู้อยู่อาศัย ในขณะที่มีการเปิดเสียงดนตรีในงานเทศกาลดังกระหึ่มต่อเนื่องกันไปจนถึงเช้า เพราะในความเห็นของเขาแล้ว เสียงเหล่านี้จะไม่ไปรบกวนใครเลย!
ยังมีกรณีตัวอย่างจากงานเทศกาลเหล่านี้อีกนับร้อยตัวอย่างที่ทำให้สังคมโกรธแค้น แต่ในขณะเดียวกันกลับทำให้อีกส่วนหนึ่งมีความสุขอย่างยิ่ง
จากเรื่องราวทั้งหมดดูเหมือนว่า ขอบเขตของปรากฏการณ์เหล่านี้จะเพิ่มมากขึ้นในลักษณะที่ว่า มีความเป็นได้ที่จะเกิดพฤติกรรมที่คลั่งไคล้และรุนแรงในซาอุดีอาระเบียตามมา
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักการศาสนาในซาอุดิอาระเบียจะนิ่งเงียบต่อหน้าบิน ซัลมาน แต่ตอนนี้ความไม่พอใจได้เพิ่มมากขึ้นถึงขนาดที่ เชค โอมาร์ อัล-มักบัล นักเทศน์ชาวซาอุดิอาระเบียออกมาพูดว่า “เราต่อต้านความผิดปกติและความเลวทรามที่เกิดขึ้นในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ในนามของความบันเทิง เพื่อมิให้เยาวชนของเราลอกเลียนแบบผู้หลงทางและเบี่ยงเบนเหล่านี้
ในช่วง 60 วันที่ผ่านมา ได้มีมือที่ซ่อนเร้น แอบแฝงระบุว่า ฮิญาบเป็นปัญหาในอิหร่าน และทำให้สังคมรอบข้างแบ่งเป็นขั้วและทำให้เกิดความวุ่นวายตามท้องถนน
มือที่แอบแฝงอีกข้างหนึ่งในจีนระบุว่า การล็อกดาวน์เพื่อรับมือการไวรัสโคโรนาเป็นปัญหาและทำให้สังคมแตกแยก
เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับซาอุฯ แสดงให้เห็นว่า สังคมของซาอุดีอาระเบียก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดการแบ่งขั้วเกี่ยวกับปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นและจะไปถึงจุดที่พร้อมจะปะทุขึ้นมา….
ในปัจจุบัน สิ่งที่สามารถพูดได้อย่างชัดเจนคือ มีบางคนได้ข้อสรุปที่แน่นอนว่าเพื่อกอบกู้และปลดปล่อยประชาชาติทั้งหลาย สงครามจะต้องขยายไปถึงท้องถนนในซาอุดีอาระเบีย
ในทางกลับกัน ชาวซาอุดีอาระเบียที่ตื่นตัวแล้ว ก็กำลังเตรียมที่จะแก้แค้นระบอบการปกครองของอัล-ซาอูด
ก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่า ซาอุดิอาระเบียจะเป็นยังไงต่อไป …
No Result
View All Result