Burapanews
  • หน้าหลัก
  • ในประเทศ
  • ต่างประเทศ
    • ตะวันออกกลาง
    • ยูโรป
    • ลาตินอเมริกา
    • สหรัฐ
    • เอเชียแปซิฟิก
    • แอฟริกา
  • เทคโนโลยี
  • กีฬา
  • วิเคราะห์ข่าว
  • ไลฟ์สไตล์
No Result
View All Result
Burapanews
Home ต่างประเทศ ตะวันออกกลาง

ความชั่วร้ายที่กระจายทั่วประเทศ จะต้องถูกเก็บกวาดอย่างที่ไม่ต้องสงสัยเลย

พฤศจิกายน 20, 2022
in ตะวันออกกลาง, ต่างประเทศ
0
ประชาชนชาวเมืองอิสฟาฮาน

ประชาชนชาวเมืองอิสฟาฮาน

0
SHARES
17
VIEWS
Share on FacebookShare on Twitter

ประชาชนชาวเมืองอิสฟาฮาน หลายร้อยคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

 

ความชั่วร้ายที่กระจายทั่วประเทศ จะต้องถูกเก็บกวาดอย่างที่ไม่ต้องสงสัยเลย

 

Related posts

ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

โลกกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ขณะที่ชาติมหาอำนาจกำลังพบกับความอ่อนแอ

กันยายน 22, 2023
อิหร่าน

บทความวิเคราะห์วิธีการยุติความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างอิหร่านและอเมริกาในตะวันออกกลาง

กันยายน 23, 2023

Burapanews  สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ประชาชนชาวเมืองอิสฟาฮาน หลายร้อยคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า เมืองอิสฟาฮาน เป็นเมืองที่น่าชื่นชมทางความรู้ ความศรัทธา ศิลปะและการญิฮาด และท่านผู้นำยังได้ชี้ให้เห็นว่า ความท้าทายหลักในวันนี้ของเรา คือ ความท้าทายของความก้าวหน้าในการเผชิญหน้ากับการหยุดนิ่ง ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการย้อนกลับสู่ความล้าหลัง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ชาติมหาอำนาจ จอมอหังการ ได้วางแนวรบพื้นฐานในการต่อต้านประชาชาติอิหร่าน ด้วยการสร้างกระแสในการต่อต้านอิหร่านที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จากการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อที่จะชักนำให้เกิดความสิ้นหวังและการพบทางตันในสายตาของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับบรรดาเยาวชน คนหนุ่มสาว ซึ่งตัวบ่งชี้ที่สำคัญที่สุดของวันนี้ ในการพิสูจน์ความรักต่ออิหร่านของแต่ละคน คือ การหลีกเลี่ยงออกจากความสิ้นหวังและการหมดหวัง การส่งเสริมทางจิตวิญญาณในการมุมานะทำงานและการมีความพยายาม ทั้งการมีความหวัง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า บรรดาเจ้าหน้าที่นั้นมีความพยายามที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เหล่าแกนนำหลักของการก่อจลาจลครั้งล่าสุดนี้ ได้พบกับความล้มเหลวในการชักนำประชาชนให้เข้าสู่สนาม ด้วยการก่อความชั่วร้ายต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเบื่อหน่าย แต่ทว่าการแพร่กระจายความวุ่นวายกำลังจะถูกเก็บกวาด และประชาชาติจะมีความเกลียดชังต่อพวกเขามากขึ้นไปเรื่อยๆ และด้วยการมีพลังและจิตวิญญาณที่สดชื่นในการทำงาน มีความพยายามและความก้าวหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวในการปราศรัยของท่าน เกี่ยวกับการวิเคราะห์ถึงความท้าทายหลักของชาติมหาอำนาจโลก ที่มีต่ออิหร่าน โดยท่านกล่าวว่า “ปัญหาหลักของชาติมหาอำนาจที่มีต่อสาธารณรัฐอิสลาม คือ หากรัฐนี้มีความก้าวหน้าและปรากฏตัวในโลก จะทำให้ตรรกะของพวกประชาธิปไตยเสรีนิยมในโลกตะวันตก กลายเป็นโมฆะ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ยังได้ชี้ให้เห็นถึงการครอบงําของโลกตะวันตกที่มีต่อประเทศต่างๆด้วยตรรกะของประชาธิปไตยเสรีนิยม โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ในช่วงสามศตวรรษที่ผ่านมา ภายใต้ข้ออ้างของการไม่มีเสรีภาพหรือประชาธิปไตย ทำให้ทรัพยากรของประเทศต่างๆต้องถูกปล้นสะดมและยุโรปที่ยากจน ได้กลายเป็นคนมั่งคั่งด้วยค่าใช้จ่ายของประเทศที่ร่ำรวยทั้งหลาย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงยุทธวิธีของพวกตะวันตกที่ต่อต้านเสรีภาพและประชาธิปไตยในประเทศต่างๆ ด้วยนามของเสรีภาพและประชาธิปไตย โดยท่านกล่าวเสริมว่า “อัฟกานิสถานนั้น เป็นตัวอย่างที่ใกล้ชิดและมีความเด่นชัดที่สุด ซึ่งพวกอเมริกา ด้วยข้ออ้างว่า  ไม่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จึงได้ทำการโจมตีทางทหาร แต่หลังจากที่ 20 ปีผ่านไป พวกเหล่านั้นได้ก่ออาชญากรรมและมีการปล้นสะดม รัฐบาลเดียวกันกับที่พวกเหล่านั้นได้กระทําการต่อต้านและเข้ามามีอํานาจ ทั้งพวกเหล่านั้นได้ออกไปจากประเทศนี้ด้วยความน่าอับอายขายหน้าอย่างที่สุด”

ท่านผู้นําสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “ขณะนี้ ระบอบการปกครองที่มีพื้นฐานมาจากศาสนาและประชาธิปไตยที่แท้จริงได้เกิดขึ้นในอิหร่าน ทั้งยังให้อัตลักษณ์แก่ประชาชนและทำให้พวกเขามีชีวิตชีวา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้น ได้ทำให้ตรรกะของประชาธิปไตยเสรีนิยมตะวันตกกลายเป็นโมฆะ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  กล่าวเสริมว่า “บางคนที่อาศัยอยู่ในประเทศ ด้วยการใช้พื้นฐานของการโฆษณาชวนเชื่อของตะวันตก บอกว่า ไม่มีเสรีภาพและประชาธิปไตยในระบอบอิสลาม ในขณะที่การแสดงออกของคําพูดเหล่านี้ ถือเป็นสัญญาณของเสรีภาพและการเข้ามาของรัฐบาลที่ไม่มีความคล้ายคลึงกันทั้งในแง่ของความคิดทางการเมือง ก็เป็นสัญญาณหนึ่งของการมีสิทธิในการเลือกของประชาชนและความเป็นประชาธิปไตยของระบอบรัฐอิสลาม”

ท่านผู้นําสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นว่า หากสาธารณรัฐอิสลามอ่อนข้อและยอมจำนนต่อการกดขี่ในการเผชิญหน้ากับสหรัฐอเมริกาและเหล่าชาติมหาอำนาจ ก็จะทำให้ความกดดันลดน้อยลง แต่พวกเหล่านั้นจะเข้ามาครอบงำประเทศได้มากเพิ่มขึ้น โดยท่านกล่าวเสริมว่า  “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อใดก็ตามที่เสียงอันทรงพลังของสาธารณรัฐอิสลามดังขึ้น ความพยายามของศัตรูในการโจมตีต่อรัฐอิสลามก็จะเพิ่มขึ้นอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำว่า “ความท้าทายขั้นพื้นฐานของประเทศของเราในวันนี้ คือ ความท้าทายของความก้าวหน้าในการเผชิญหน้ากับการหยุดนิ่งและภาวะถดถอยและการย้อนกลับสู่ความล้าหลัง เพราะว่า เรากำลังอยู่ในสภาพของความก้าวหน้า แต่เหล่าชาติมหาอำนาจนั้นมีความกังวล รู้สึกไม่พอใจและเศร้าใจต่อความก้าวหน้าของอิสลามแห่งอิหร่าน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า  “เนื่องจากความไม่พอใจและความโกรธนี้เอง พวกอเมริกาและพวกยุโรปจึงได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่มีอยู่เข้าสู่ภาคสนาม แต่ทว่า พวกเหล่านี้ไม่สามารถที่จะกระทำความผิดพลาดใดๆได้ ดั่งที่ก่อนหน้านี้นั้น พวกนี้ไม่มีความสามารถและในอนาคต ก็จะไม่มีความสามารถอีกด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นว่า ในการเผชิญหน้ากันของอิหร่านกับชาติมหาอำนาจ สหรัฐฯนั้นอยู่ในแนวหน้า ขณะที่พวกยุโรปได้ยืนอยู่ข้างหลังพวกสหรัฐ โดยท่านกล่าวว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังจากชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม ประธานาธิบดีสหรัฐทุกคน รวมทั้ง (จิมมี) คาร์เตอร์ (บิล) คลินตันและ(บารัค)โอบามา นั้นมาจากพรรคเดโมแครต (โดนัลด์) เรแกน (จอร์จ) บุชและผู้ที่สมองเบาของพรรครีพับลิกันแบบคนก่อน(โดนัลด์ ทรัมป์)  ไปจนถึงประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่ไร้ซึ่งความฉลาดและความรู้สึก ที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนชาวอิหร่านให้รอดพ้น โดยพวกเขาทั้งหมดเหล่านี้ได้ยืนหยัดในการต่อต้านสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน และทุกคนที่มีความสามารถช่วยเหลือพวกเหล่านี้ได้ รวมถึงระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ ในฐานะที่เป็นสุนัขบ้าคลั่งที่ถูกล่ามโซ่และบางประเทศในภูมิภาคนี้อีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “แม้ว่าจะมีความพยายามทั้งหมดเหล่านี้ แต่เหล่าศัตรูของประชาชาติก็ต้องพบกับความล้มเหลวทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่า พวกเหล่านั้นได้สร้างปัญหาต่างๆมากมาย เช่น การคว่ำบาตร การลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์ทางด้านนิวเคลียร์ การใช้เลห์กล อุบายทางการเมืองและความมั่นคงที่หลากหลาย รวมทั้งการให้สินบนแก่บางคนในประเทศ เพื่อที่จะพูดจาในการต่อต้านสาธารณรัฐอิสลาม แต่พวกเหล่านั้นไม่สามารถที่จะหยุดการขับเคลื่อนของประชาชาติอิหร่านได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ในสถานการณ์ปัจจุบันที่เรากําลังเผชิญกับความท้าทายเช่นนี้ ถือเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนและบรรดาเจ้าหน้าที่ ตลอดจนปัญญาชน ชนชั้นสูง เยาวชน และสังคมวิชาการและวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยและสถาบันศาสนา ต้องพยายามที่จะทำให้เกิดความก้าวหน้าในทุกเวทีทางด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปะ เศรษฐกิจ การเมือง ศีลธรรมและทางจิตวิญญาณ”

ท่านผู้นําสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความก้าวหน้า เป็นพื้นฐานสําหรับความมั่นคงที่แข็งแกร่งและอํานาจของระบอบการปกครอง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เป้าหมายของศัตรู คือ การสั่นคลอนเสาหลักของอํานาจของระบอบการปกครอง ด้วยเหตุนี้เอง ทุกคนควรที่จะติดตามประเด็นของความก้าวหน้าอย่างจริงจัง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ตั้งคำถามว่า เราจะมีความก้าวหน้าได้อย่างไร? โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ความก้าวหน้านั้น ต้องการเครื่องมืออย่างมากมาย แต่เครื่องมือที่สำคัญที่สุดสำหรับความก้าวหน้า คือ ความหวัง ด้วยเหตุนี้เอง ศัตรูจึงมุ่งเน้นไปยังความสิ้นหวังและการพบกับทางตันด้วยความพยายามของตนทั้งหมดที่มีอยู่”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านสื่อที่กว้างขวางของศัตรู อาทิเช่น สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม สื่อสังคมออนไลน์ และสถานีโทรทัศน์ของเหล่าสมุนผู้รับใช้ เพื่อที่จะทำลายความหวังของประชาชาติ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “แม้จะมีความพยายามทั้งหมดเหล่านี้ แต่ช่างโชคดีเสียนี่กระไรที่ความหวังและการขับเคลื่อนสำหรับความก้าวหน้าของประเทศนั้นยังคงมีชีวิตชีวาอยู่ต่อไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “ศัตรูกำลังพยายามไม่เพียงแต่ ทำให้ประชาชนและบรรดาเยาวชนสูญเสียความหวังเท่านั้น แม้แต่บรรดาเจ้าหน้าที่ก็สูญเสียความหวังด้วยเช่นกัน และน่าเสียใจอย่างยิ่งศัตรูที่มีส่วนขยายภายในเช่นกัน ที่พวกเหล่านี้ต่างพยายามปลูกฝังความสิ้นหวังด้วยการใช้ประโยชน์จากสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อสังคมออนไลน์”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “เรานั้นมีปัญหาทางเศรษฐกิจที่จะต้องได้รับการแก้ไข หากพระเจ้าทรงประสงค์ แต่เรานั้นมีความก้าวหน้าในภาคส่วนอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่า ทั้งหมดนั้นได้มุ่งเน้นว่า เยาวชนรุ่นใหม่ไม่ได้ตระหนักถึงความก้าวหน้าเหล่านี้ ด้วยเหตุผลนี้ ศัตรูและส่วนขยายภายในจึงได้ซ่อนเร้นความก้าวหน้าเหล่านี้และทำให้กลายเป็นเรื่องเล็กอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงตัวอย่างบางส่วนของความก้าวหน้าและการขับเคลื่อนในอนาคตเมื่อช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวว่า “นักวิทยาศาสตร์ชาวอิหร่านได้บรรลุวิธีการใหม่ในการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในอุปกรณ์การสกัดน้ำมันและอุตสาหกรรมก๊าซ การเปิดเส้นทางรถไฟในจังหวัดซิสตานและบาลูชิสตาน ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางรถไฟสายเหนือจรดใต้ของประเทศ การเปิดโรงงานในหลายแห่ง การเปิดโรงกลั่นน้ำมันนอกชายฝั่งเป็นแห่งแรก การดำเนินการโรงไฟฟ้าทั้ง 6 แห่ง การเปิดตัวกล้องโทรทรรศน์ที่ใหญ่ที่สุดหนึ่งในโลก การปล่อยจรวดส่งดาวเทียม และเปิดตัวขีปนาวุธตัวใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ คือตัวอย่างของการขับเคลื่อนเพื่อความก้าวหน้าของประเทศ ในช่วงเวลาที่ศัตรูต่างพยายามขัดขวางการขับเคลื่อนเหล่านี้ด้วยการก่อจลาจล”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำว่า เยาวชนชาวอิหร่านนั้นยังมีชีวิตชีวาและมีแรงจูงใจในวันต่างๆที่ศัตรูได้ก่อความชั่วร้าย  โดยท่านกล่าวเสริมว่า “หนึ่งในตัวบ่งชี้หลักของการมีความรักต่ออิหร่าน คือ การสร้างความหวังให้เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง เหล่าผู้ที่ชักนำให้เกิดความสิ้นหวังและการพบทางตัน คือ ผู้ที่เขานั้นต่อต้านอิหร่านและไม่สามารถอ้างได้ว่า เขานั้นเป็นผู้ที่มีความรักต่ออิหร่าน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำว่า  “อย่าปล่อยให้ผู้ที่เป็นศัตรูกับอิหร่าน ได้ชักนำให้เกิดความสิ้นหวังในรูปแบบของการป้องกันผลประโยชน์ของชาติ บรรดานักเขียน นักกวี นักวิชาการ นักการศาสนา และผู้ทรงอิทธิพลทุกคน ควรที่จะต้องสร้างความหวังและการยึดถือเป็นตัวชี้วัดและสัญลักษณ์แห่งความหวังและความก้าวหน้าในสังคม”

ในอีกส่วนหนึ่งของคำปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำ ถือว่า เป้าหมายของเหล่าแกนนำ ผู้ปลุกระดมให้เกิดการก่อจลาจลและความวุ่นวายครั้งล่าสุด คือ การเข้าร่วมของประชาชนในภาคสนาม โดยท่านกล่าวว่า “บัดนี้ พวกเหล่านี้นั้นไม่สามารถที่จะชักนำประชาชนเข้าสู่ภาคสนามได้ ในขณะที่กำลังก่อความชั่วร้าย เพื่อที่จะทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่ต้องเกิดความเบื่อหน่าย ซึ่งแน่นอนว่า พวกเหล่านี้ได้คิดผิดพลาด เพราะว่า ความชั่วร้ายเหล่านี้ ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนเกิดเบื่อหน่ายและมีความเกลียดชังต่อพวกเขามากยิ่งขึ้น”

ในบริบทนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “เหตุการณ์เหล่านี้  อาชญากรรมต่างๆ และการทำลายล้างเหล่านี้ ได้สร้างปัญหาให้กับประชาชนและการประกอบอาชีพ แต่เหล่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาและอยู่เบื้องหลังความชั่วร้ายเหล่านี้นั้นมีความต่ำต้อยเกินกว่าที่จะสามารถสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับรัฐอิสลามได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า การแพร่กระจายของความชั่วร้าย จะต้องถูกเก็บกวาดอย่างที่ไม่ต้องมีความสงสัยใดๆทั้งสิ้น และประชาชาติอิหร่านจะมีการขับเคลื่อนต่อไปในสนามแห่งความก้าวหน้าของประเทศด้วยการมีพลังและจิตวิญญาณที่สดชื่นมากกว่าเดิม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การมีศักยภาพในการสร้างโอกาสจากภัยคุกคาม เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติของประชาชาติที่มีศรัทธา และท่านผู้นำสูงสุดยังได้ชี้ให้เห็นถึงตัวอย่างทางประวัติศาสตร์ เช่น ในสงครามอะฮ์ซาบ(ในยุคสมัยของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) และการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในสงครามอะฮ์ซาบ ซึ่งถือเป็นสงครามที่เหล่าพวกมุชริก(ผู้ตั้งภาคี) ทั้งหมดได้เข้าร่วมสู่สมรภูมิรบ ไม่ใช่เพียงแต่ ไม่ทำให้หัวใจของบรรดาผู้ศรัทธามั่นต้องสั่นคลอน แต่ว่าด้วยการรำลึกถึงพันธสัญญาของพระเจ้า ทำให้ความศรัทธาของพวกเขาได้เพิ่มมากขึ้น และได้ทำให้ภัยคุกคามนี้กลายเป็นการสร้างโอกาส ดังเช่น ประชาชาติของเรา ในช่วงสมัยของการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ ในการเผชิญหน้ากับสงครามจากทุกฝ่ายและการสนับสนุนรอบด้านทั้งหมดของโลกต่อผู้รุกราน ได้ทำให้ภัยคุกคามนี้เปลี่ยนเป็นโอกาสและยังแสดงให้ทั้งโลกได้เห็นด้วยว่า ไม่ได้พบกับความล้มเหลวแต่อย่างใด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “จากประสบการณ์ในการสร้างโอกาสของประชาชนชาวอิหร่านในช่วงสมัยการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ ทำให้พวกเขาตระหนักดีว่า เมื่อใดก็ตามที่ศัตรูคิดที่จะใช้กำลังทางทหาร จะเข้าใจได้ว่า ประชาชาติอิหร่านจะไม่ยอมรับความปราชัยเป็นอันขาด ดังเช่นที่เคยกล่าวย้ำกับพวกสหรัฐและเหล่าผู้ต่อต้านหลายครั้งมาแล้วว่า การเข้ามาของพวกคุณด้วยตัวของพวกคุณเอง แต่การออกไปของพวกคุณนั้นมิได้เป็นเช่นนี้ ในกรณีที่มีการรุกราน พวกคุณจะถูกทำลายให้สิ้นซาก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การสร้างวีรกรรมเมื่อวันที่ 25 เดือนอาบาน ปี 1361(ปฏิทินอิหร่าน) และการส่งเยาวชนผู้กล้าหาญชาวเมืองอิสฟาฮานที่มีความกระตือรือร้นและมีแรงบันดาลใจอย่างมาก เข้าสู่แนวรบ ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการสร้างโอกาสจากภัยคุกคาม โดยท่านกล่าวว่า “ในเหตุการณ์ความวุ่นวายครั้งล่าสุด ประชาชาติได้ทำให้ภัยคุกคาม กลายเป็นการสร้างโอกาส ทั้งความเป็นจริงและการกำหนดทิศทางของตนในการเดินขบวนอันยิ่งใหญ่ในวันที่ 13 เดือนอาบาน ซึ่งมีความแตกต่างกว่าในหลายปีที่ผ่านมาด้วยสโลแกนการต่อต้านสหรัฐอเมริกา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า พิธีการแห่ศพของบรรดาชะฮีด(ผู้พลีชีพ) ในการก่อจลาจลครั้งล่าสุด ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการสร้างโอกาสของประชาชาติ รวมทั้งการพลีชีพของประชาชน กองกำลังความมั่นคง และการพลีชีพของบะซีจและเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เยาวชนนิรนาม เช่น รูฮุลลอฮ์ อะญะมียอน นั้นได้รับตำแหน่งชะฮีด ขณะที่ประชาชนจำนวนมากได้ออกมาสู่ภาคสนาม ซึ่งตรงกันข้ามกับข้อเรียกร้องของศัตรู และพวกเขาบอกว่า พวกคุณทำให้เยาวชนของเราได้รับการเป็นชะฮีด แต่ทว่าเรานั้นอยู่ข้างหลังเยาวชนคนนี้มาโดยตลอด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การสร้างโอกาสอีกประการหนึ่ง ที่เกิดขึ้นจากการก่อจลาจล  คือ การปรากฏตัวของเหล่าแกนนำหลักในการปลุกระดมที่อ้างว่า พวกเขานั้นอยู่ข้างฝ่ายสนับสนุนประชาชาติอิหร่าน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ความเป็นปฏิปักษ์ต่อความต้องการและความศักดิ์สิทธิ์ของประชาชาติอิหร่าน หมายถึง การเป็นศัตรูกับอิสลาม การจุดไฟเผาอัลกุรอานและมัสยิด การเป็นศัตรูกับอิหร่าน การเผาธงชาติอิหร่านและการไม่ให้เกียรติต่อเพลงชาติของอิหร่าน ได้แสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ที่แท้จริงของเหล่าแกนนำหลัก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “พวกเหล่านั้นอ้างว่าอยู่ข้างฝ่ายสนับสนุนประชาชาติอิหร่าน ในขณะที่ประชาชาติอิหร่าน เป็นประชาชาติมุสลิม ประชาชาติแห่งอัลกุรอานและเป็นประชาชาติของท่านอิมามฮุเซน เหล่าพวกที่ดูหมิ่นท่านอิมามฮุเซน วันอัรบาอีน และการเดินขบวนครั้งยิ่งใหญ่หลายล้านคน จะเป็นผู้ที่สนับสนุนประชาชาติอิหร่านได้กระนั้นหรือ?

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ในการอธิบายวิธีการจัดการกับองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการก่อจลาจล โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแยกเหล่าแกนนำหลัก ผู้ที่ถูกหลอกลวง อาชญากรจากการก่ออาชญากรรม และผู้ที่รับเงินมา โดยท่านกล่าวว่า “บุคคลทั้งหลายเหล่านี้นั้นไม่ได้เหมือนกัน บุคคลที่เข้าร่วมกับศัตรูโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงเจตนาที่แท้จริงของศัตรู กล่าวคือ พวกเขาถูกหลอก แต่พวกเขามิได้ก่ออาชญากรรม ไม่ว่า จะเป็นนักศึกษาหรือไม่ใช่นักศึกษาก็ตาม จะต้องมีการสั่งสอนและการตักเตือน ทั้งการชี้แนะ และการตื่นตัว ด้วยการถามไถ่ว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ จะนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าของประเทศใช่หรือไม่ หรือว่าตรงกันข้าม ต้องทำให้พวกเขาใช้ความคิดและเตือนตนเองว่าไม่ให้เป็นเสียงเดียวกันกับศัตรู ดังคำกล่าวของท่านอิมามโคมัยนี ผู้สูงส่ง (ร.ฮ.) ที่ว่า ไม่ว่าจะป่าวตะโกนอะไรก็ตาม ก็จะย้อนกลับไปหายังการต่อต้านสหรัฐทั้งสิ้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การตัดสินความผิดของเหล่าอาชญากรจากการก่ออาชญากรรมครั้งล่าสุดนั้นมีความแตกต่างกัน โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำว่า “ผู้ที่ก่ออาชญากรรม การสังหาร การทำลายล้าง และการคุกคามด้วยการจุดไฟเผาร้านค้า และรถยนต์ของผู้ประกอบการ และประชาชน และผู้ที่ถูกชักจูงด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ จนกระทั่ง มีการกระทำเหล่านี้ ซึ่งแต่ละบุคคลนั้น ควรได้รับโทษตามความผิดที่พวกเขาได้ก่อไว้”

ในบริบทนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า การลงโทษควรดำเนินการผ่านสำนักตุลาการสูงสุดอย่างเข้มแข็ง ปลอดภัยและเต็มไปด้วยแรงจูงใจ และไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์ที่จะลงโทษตามพลการและตามอำเภอใจของตนเอง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ให้เห็นถึงคำกล่าวของท่านอะมีรุลมุอ์มินีน อะลี (อ)เกี่ยวกับท่านศาสดาว่า ท่านนั้นเป็นแพทย์ ที่เป็นทั้งการรักษาโรคและการเยียวยา โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำให้ใช้การลงโทษและคำแนะนำอย่างเหมาะสม โดยท่านกล่าวเสริมว่า “จนกระทั่งถึงชั่วโมงนี้ ต้องขอขอบคุณพระเจ้า ที่ได้ทำให้ศัตรูพบกับความล้มเหลว แต่ศัตรูนั้นมีเล่ห์เหลี่ยม กลอุบายที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละวัน และด้วยความล้มเหลวในวันนี้ อาจนำไปสู่กลุ่มชนต่างๆ เช่น กลุ่มแรงงาน และบรรดาสตรี แม้ว่าศักดิ์ศรีของสตรีทั้งหลายและแรงงานต่างๆด้วยเกียรติของเรานั้นมีความสูงส่งกว่าการยอมจำนนต่อเหล่าผู้ที่ไม่หวังดีและพวกเขาถูกหลอกใช้อีกต่างหาก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นว่า สื่อต่างๆที่ต่อต้านอิหร่าน ได้ใช้กลยุทธ์ในการสร้างกองทัพเท็จและการโกหกจำนวนมาก ด้วยเป้าหมายในการสร้างอิทธิพลที่มีต่อบุคคลที่เพิกเฉยและไม่รับรู้ โดยท่านกล่าวว่า “สิ่งที่เป็นจริง ก็คือ การเข้าร่วมของประชาชนอย่างมากมายในสนามต่างๆจากการพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามและเป็นการตบปากเหล่าผู้ที่ไม่หวังดี”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่าน โดยถือว่า ปัญหาด้านเศรษฐกิจ คือ อีกความเป็นจริงประการหนึ่ง และท่านได้กล่าวเสริมว่า “การประกาศคำขวัญประจำปีในหลายปีที่ผ่านมา ด้วยคำขวัญทางด้านเศรษฐกิจ และการเน้นย้ำของบรรดาเจ้าหน้าที่ให้แสวงหาวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เนื่องด้วยประเด็นทางด้านเศรษฐกิจ ถือเป็นประเด็นที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่ในช่วงทศวรรษที่เก้า ถือเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก หากว่ามีการปฏิบัติตามคำแนะนำและการดำเนินที่จำเป็น สถานการณ์ของประเทศและประชาชนก็จะมีความแตกต่างอย่างแน่นอน ซึ่งแน่นอนว่า การคว่ำบาตรก็จะส่งผลกระทบอีกด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างพยายามอย่างจริงจังและในบางกรณีเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ โดยท่านกล่าวว่า “ความพยายามอย่างมากมายของหน่วยงานต่างๆ ทั้งความร่วมมือและความมีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน การอยู่เคียงข้างประชาชนและบรรดาเจ้าหน้าที่ ถือเป็นการปูทางเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆที่มีอยู่ และหากพระเจ้าทรงประสงค์ ซึ่งในกรณีนี้ ก็จะเป็นการต่อยปากของศัตรูอีกด้วย

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ในช่วงเริ่มต้นของการปราศรัยกับประชาชนชาวเมืองอิสฟาฮาน ได้กล่าวเทอดเกียรติต่อพวกเขา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เมืองอิสฟาฮานนั้น เป็นเมืองที่มีอัตลักษณ์ของอิหร่านและอิสลามอย่างสมบูรณ์ และเป็นเมืองแห่งความรู้ ความศรัทธา ศิลปะและการญิฮาด (การต่อสู้)”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เมืองอิสฟาฮาน เป็นเมืองแห่งการอบรมสั่งสอนบรรดานักวิชาการ ผู้รู้ และด้วยการเทอดเกียรติบรรดานักวิชาการจำนวนมากมายของเมืองนี้  โดยท่านกล่าวว่า “เมืองอิสฟาฮาน เป็นเมืองแห่งศรัทธาและการมอบความรักให้กับบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ และเป็นเมืองแห่งมรดกอันล้ำค่าและที่ไม่เสมอเหมือนผู้ใดทางด้านศิลปะของอิหร่าน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวอธิบายถึงการเปิดเผยอัตลักษณ์อันลึกซึ้งของการปฏิวัติอิสลามของชาวเมืองอิสฟาฮาน โดยท่านกล่าวว่า “เมืองอิสฟาฮาน เป็นเมืองแรกที่มีระบอบการปกครองแบบทหารในระบอบการปกครองของกษัตริย์ผู้กดขี่”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นว่า กองทัพของท่านอิมามฮุเซน ได้สร้างวีรกรรมไว้อย่างยิ่งใหญ่และกองทัพของเมืองนะญัฟ ถือเป็นสองกองทัพประจำเมืองอิสฟาฮาน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เมืองอิสฟาฮานนั้นมีชะฮีดทั้งหมด ประมาณ 24,000 คน ทหารผ่านศึกหลายหมื่นคน บรรดาผู้ที่ได้รับอิสรภาพจากการเป็นนักโทษในช่วงสงครามการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์หลายพันคน และครอบครัวที่ลูกหลานของพวกเขา 2 ถึง 7 คน ได้รับชะฮีดในการพิทักษ์รักษาการปฏิวัติอิสลามและอิหร่าน ทั้งยังเป็นเครื่องยืนยันความภาคภูมิใจและสัญลักษณ์ต่างๆของอัตลักษณ์ของการปฏิวัติอิสลามและการญิฮาดของจังหวัดอีกด้วย ซึ่งการปกป้องผลงานอันยิ่งใหญ่เหล่านี้ ถือเป็นหน้าที่ของทุกคนด้วยการใช้วิจารณญาณของตน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึง พิธีการแห่ศพของชะฮีดจำนวน 360 คน ในวันที่ 25 เดือนอาบาน ปี 1361(ปฏิทินอิหร่าน) ในเมืองอิสฟาฮาน โดยท่านกล่าวว่า “เยาวชนเหล่านี้ทั้งหมดนั้น สามารถที่จะทำให้เมืองหนึ่ง กลายเป็นอัมพาตจากความเจ็บปวดและความเศร้าใจ แต่ชาวเมืองอิสฟาฮาน ด้วยจิตวิญญาณและการมีแรงจูงใจแห่งศรัทธาที่เพิ่มมากขึ้น ในวันนั้น บรรดาเยาวชนอย่างมากมายของเมืองนี้ได้เข้าสู่แนวรบและมีการส่งกองคาราวานความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ต่างๆของสงคราม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเผชิญหน้ากับฟิตนะฮ์ (การสร้างวิกฤตก่อความวุ่นวาย) คือ ลักษณะที่เด่นชัดของประชาชนชาวเมืองอิสฟาฮาน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา เมื่อใดก็ตามที่มีความจำเป็น ประชาชนชาวเมืองอิสฟาฮานก็จะออกมาเข้าสู่ภาคสนามในการป้องกันอิสลามและการปฏิวัติอิสลาม

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงคำร้องขอของประชาชนชาวเมืองอิสฟาฮาน ในลักษณะพิเศษของการปฏิวัติอิสลามและความศรัทธา โดยท่านกล่าวว่า “ปัญหาน้ำของเมืองอิสฟาฮาน ถือเป็นปัญหาที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯที่มีแบบแผนที่ดีสำหรับการแก้ไขปัญหานี้ จะต้องมีการปฏิบัติและความพยายามที่มากกว่าเดิม ทั้งจะต้องไม่รู้จักทั้งกลางวันและกลางคืนอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเสียสละ และการต่อสู้ของประชาชนในเมืองต่างๆที่เคียงข้างการต่อสู้ของประชาชนชาวเมืองอิสฟาฮาน เป็นสาเหตุที่ทำให้ได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ และอิหร่านได้รับแสงสว่าง ในช่วงสมัยของการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บรรดาเยาวชนนั้น ไม่ทราบว่าความจริงที่ผ่านบททดสอบอย่างที่ไม่เสมอเหมือนผู้ใดที่ว่า ประชาชาติอิหร่านได้ยืนหยัดและได้รับชัยชนะในการเผชิญหน้ากับนาโต้ สหรัฐ และสหภาพโซเวียตและยุโรป โดยปราศจากการสนับสนุนใดๆจากทุกฝ่าย ขณะที่พวกเหล่านี้ต่างได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่ายทั้งหมดในโลก”

ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครั้งนี้ ผู้แทนวะลี ฟะกีฮ์(ตัวแทนของท่านผู้นำสูงสุด) และอิมามนำนมาซ(ละหมาด) วันศุกร์ประจำเมืองอิสฟาฮาน ถือว่า ประชาชนชาวเมืองอิสฟาฮาน เป็นผู้นำในสนามของการเสียสละในการปฏิวัติอิสลามและการบริการสังคม โดยเขากล่าวว่า “สาธารณรัฐอิสลามได้ดำเนินการในการให้บริการที่กว้างขวางในภาคส่วนต่างๆของโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การก่อสร้างถนน  การเชื่อมต่อเมืองและหมู่บ้านของจังหวัดด้วยเครือข่ายน้ำ ไฟฟ้า และก๊าซ ซึ่งแน่นอนว่า ปัญหาต่างๆของเมืองอิสฟาฮาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการเกษตรที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข และเราหวังว่าด้วยความเพียรพยายามของรัฐบาลชุดใหม่นี้ ปัญหาทั้งหลายจะได้รับการแก้ไข”’

 

ที่มา

เว็บไซต์สำนักผู้นำสูงสุดอิหร่าน

Tags: Burapanewsตะวันออกกลางต่างประเทศผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีอิหร่าน
Previous Post

รัฐบาลสหรัฐ ชี้ มกุฏราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย รอดคดีสังหารจามัล คาช็อกกี

Next Post

กกต.มาเลเซีย เผย พรรคของอันวาร์ อิบราฮิม กวาดที่นั่งในสภาผู้แทนฯได้ 82 ที่นั่ง

Next Post
กกต.มาเลเซีย

กกต.มาเลเซีย เผย พรรคของอันวาร์ อิบราฮิม กวาดที่นั่งในสภาผู้แทนฯได้ 82 ที่นั่ง

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

RECOMMENDED NEWS

อิสราเอล

อิสราเอล กลายเป็นผู้แพ้ที่สุดในฟุตบอลโลกที่กาตาร์

10 เดือน ago
เซเลนสกี

เซเลนสกี เรียกร้องรัสเซียเจรจาสันติภาพจริงจัง

2 ปี ago

จีน มีคลังแสงนิวเคลียร์เพิ่มขึ้นในปีที่แล้ว จีนมากสุดถึง 60 หัวรบ

3 เดือน ago

องค์กรสิทธิมนุษยชนในลอนดอน เปิดเผยเอกสาร 75 หน้า ยืนยันกาตาร์ละเมิดสิทธิแรงงาน

5 เดือน ago

BROWSE BY CATEGORIES

  • Uncategorized
  • กีฬา
  • ตะวันออกกลาง
  • ต่างประเทศ
  • ท่องเที่ยว
  • ยูโรป
  • ลาตินอเมริกา
  • วิเคราะห์ข่าว
  • สหรัฐ
  • สุขภาพ
  • เทคโนโลยี
  • เอเชียแปซิฟิก
  • แอฟริกา
  • ในประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์

BROWSE BY TOPICS

Burapanews การเมือง จีน ซาอุดีอาระเบีย ซีเรีย ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง ตุรกี ต่างประเทศ นายกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี นาโต ประเทศไทย ปาเลสไตน์ ปูติน ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ฝรั่งเศส พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยุโรป ยูเครน รัสเซีย ศาลรัฐธรรมนูญ สงคราม สหรัฐ สหรัฐอเมริกา สหรัฐฯ สำนักข่าวต่างประเทศ อังกฤษ อินโดนีเซีย อิรัก อิสราเอล อิสลาม อิหร่าน อเมริกา เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ เซเลนสกี เมียนมา เยเมน โควิด โอมิครอน ในประเทศ ไต้หวัน ไทย ไบเดน

POPULAR NEWS

  • กองพันนีโอนาซี

    ทำความรู้จัก กองพันนีโอนาซีของยูเครน กัน

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • ประวัติวันลอยกระทง กับวิถีใหม่ของประเพณีเก่า

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • ประธานาธิบดียูเครน พ้อชาติตะวันตกและนาโต้ ปล่อยให้ยูเครนสู้อย่างเดียวดาย

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • กองทัพรัสเซีย แต่งตั้งนายพล โวร์นิคอฟ ผู้บัญชาการรบในซีเรีย เป็นผู้บัญชาการรบในยูเครน

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • ด่วน! กองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน แถลงการณ์ยอมรับอยู่เบื้องหลังการโจมตีฐานที่มั่นของมอสสาดของอิสราเอลในอิรัก

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
Burapanews

Burapa news ขอเป็นทางเลือกใหม่ในการเข้าถึงข่าวสาร ทั่วโลก จากสำนักข่าวในประเทศและต่างประเทศ ที่เชื่อถือได้

Follow us on social media:

ข่าวล่าสุด

  • โลกกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ขณะที่ชาติมหาอำนาจกำลังพบกับความอ่อนแอ
  • บทความวิเคราะห์วิธีการยุติความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างอิหร่านและอเมริกาในตะวันออกกลาง
  • มองฉากทัศน์สงครามระหว่างมหาอำนาจโลกที่มีต่อยูเรเชีย

ข่าวล่าสุด

ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

โลกกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ขณะที่ชาติมหาอำนาจกำลังพบกับความอ่อนแอ

กันยายน 22, 2023
อิหร่าน

บทความวิเคราะห์วิธีการยุติความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างอิหร่านและอเมริกาในตะวันออกกลาง

กันยายน 23, 2023
No Result
View All Result
  • หน้าหลัก
  • ในประเทศ
  • ต่างประเทศ
    • ตะวันออกกลาง
    • ยูโรป
    • ลาตินอเมริกา
    • สหรัฐ
    • เอเชียแปซิฟิก
    • แอฟริกา
  • เทคโนโลยี
  • กีฬา
  • วิเคราะห์ข่าว
  • ไลฟ์สไตล์