ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง แห่งสาธารณประชาชนจีน ได้เดินทางถึงเกาะบาหลีของประเทศอินโดนีเซียแล้ว

Related posts

โลกกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ขณะที่ชาติมหาอำนาจกำลังพบกับความอ่อนแอ

กันยายน 22, 2023

บทความวิเคราะห์วิธีการยุติความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างอิหร่านและอเมริกาในตะวันออกกลาง

กันยายน 23, 2023

ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง แห่งสาธารณประชาชนจีน ได้เดินทางถึงเกาะบาหลีของประเทศอินโดนีเซียแล้ว เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม จี20 ในวันอังคารนี้

Burapanews  สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ว่า ประธานาธิบดี สีจิ้นผิงของจีน มีกำหนดประชุมกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน ในวันนี้ หลังความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจโลกร้าวหนัก โดยคาดการณ์ว่า ประเด็นไต้หวันจะกลายมาเป็นวาระสำคัญของทั้งคู่

การพบกันครั้งนี้ จะถือเป็นการประชุมในสถานที่จริงครั้งแรกของทั้งสองผู้นำ นับตั้งแต่ประธานาธิบดี ไบเดน ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐในปี2020

ด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ คาดหวังว่า การพบกันระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน จะนำไปสู่การส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจระดับมหภาคระหว่างทั้งสองประเทศมากขึ้น

นางเยลเลน ระบุว่า วัตถุประสงค์ของการประชุมในครั้งนี้คือ การรักษาเสถียรภาพในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-จีน และสร้างความมั่นใจให้กับบรรดาธุรกิจของสหรัฐเกี่ยวกับเส้นทางในอนาคต

“สิ่งที่ดิฉันตั้งความหวังไว้มากที่สุดคือ การประชุมทวิภาคีกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จะส่งผลให้เราได้มีส่วนร่วมในการหารือที่เข้มข้นยิ่งขึ้นกับคู่ค้าชาวจีนของเราเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลก และนโยบายด้านสุขภาพทั้งในสหรัฐ และจีนที่กำลังส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์เหล่านั้น” นางเยลเลน กล่าวกับนักข่าวนอกรอบการประชุมกลุ่ม G20 ที่อินโดนีเซีย

 นางเยลเลน เตรียมพบปะกับนายอี้ กัง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) เพื่อสอบถามทางการจีนถึงความชัดเจนเกี่ยวกับแผนผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ของจีน ซึ่งส่งผลต่อผลผลิต และห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงแนวทางการจัดการ ปัญหาการเงินในภาคอสังหาริมทรัพย์

ทั้งนี้ นางเยลเลน ระบุว่า ประธานาธิบดีไบเดนได้แสดงความชัดเจนกับจีนเรื่องข้อกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติซึ่งว่าด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยีที่ละเอียดอ่อนของสหรัฐ และได้หยิบยกข้อกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของห่วงโซ่อุปทาน แต่สหรัฐไม่ได้พยายามผลักดันบริษัทของสหรัฐออกจากจีนหรือจำกัดกิจกรรมทางการค้าต่างๆ ระหว่างสองประเทศแต่อย่างใด