อิสราเอล ถือโอกาสโจมตีวงกว้างใน “กาซ่า” หลังสัญญาสงบศึกเริ่มทำงาน ดับเบ็ดเสร็จรวมไม่ต่ำกว่า 44 รวมเด็ก 15 คน
แหล่งข่าวอียิปต์ยืนยันเทลอาวีฟยอมตกลงข้อเสนอสัญญาสงบศึกที่เสนอโดยไคโร กับปาเลสไตน์หลังเปิดฉากโจมตีกาซ่าอย่างหนัก 3 วัน แต่เทลอาวีฟถือโอกาสที่สัญญาสงบศึกไคโรเริ่มต้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ (7 ส.ค.) ยังคงเดินหน้าโจมตีเป้าหมายเป็นวงกว้างในกาซ่าต่อ
เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้ (7 ส.ค.) ว่า ในขณะหลังจากที่สัญญาสงบศึกไคโรเริ่มทำงาน เทลอาวีฟโจมตีเป้าหมายเป็นวงกว้างในเมืองกาซ่าของปาเลสไตน์เพื่อตอบโต้จรวดที่ถูกยิงเข้าไปในดินแดนอิสราเอลก่อนที่สัญญาสงบศึกซึ่งอียิปต์เป็นตัวกลางจะเริ่มต้นมีผลบังคับใช้ในช่วงคืนวันอาทิตย์ (7)
กองทัพอิสราเอล IDF แถลงว่า ค่ำวันนี้ฝั่งอิสราเอลยิงจรวดมีเป้าหมายไปที่กาซ่าหลังเวลา 20.30 น.ของวันอาทิตย์ (8) ซึ่งเป็นเวลาที่สัญญาสงบศึกไคโรเริ่มต้นทำงาน เพื่อตอบโต้การโจมตีที่ถูกยิงเข้ามา และได้ออกการเตือนโจมตีทางอากาศหลายครั้งมาจนถึงเวลา 20.29 น.
บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานว่า สัญญาสงบศึกเกิดขึ้นซึ่งแหล่งข่าวอียิปต์เปิดเผยว่า ฝ่ายอิสราเอลยอมรับปากทำสัญญาสงบศึกกับปาเลสไตน์หลังหลังโจมตีอย่างหนัก 3 วันก่อนหน้า รอยเตอร์รายงานว่าผลการโจมตีนาน 56 ชั่วโมง ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปไม่ต่ำกว่า 44 คน รวมเด็ก 15 คน กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์รายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 300 คนเช่นกัน
เดลีเมลชี้ว่า ฝ่ายอิสราเอลเปิดเผยว่า หนึ่งในการโจมตีที่เกิดขึ้นในช่วงดึกวันเสาร์ (6) สามารถสังหารผู้บัญชาการกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์ PIJ ที่มีอิหร่านอยู่เบื้องหลังกลุ่ม คาเลด มานซัวร์ (Khaled Mansour) ที่เชื่อว่าซ่อนตัวอยู่ในอพาร์ตเมนต์หลังหนึ่งภายในค่ายผู้ลี้ภัยราฟาห์ (Rafah) ทางใต้ของกาซ่า แต่ทว่าผลของการโจมตีทำให้มีพลเรือนปาเลสไตน์จำนวนไม่กี่คนเสียชีวิตเช่นกัน
ทั้งนี้ พบว่ากลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ยิงจรวดไม่ต่ำกว่า 1,000 ลูกเข้าไปในดินแดนอิสราเอล ส่งผลทำให้ประชาชนที่อาศัยทางใต้ของอิสราเอลต้องหาที่หลบภัยและรวมไปถึงเมืองใหญ่ต่างๆ รวมไปถึงเทลอาวีฟ
โดยในแถลงข่าวผ่านทางสถานีโทรทัศน์ อัล มายาดีน (Al Mayadeen) ซึ่งให้การสนับสนุนอิหร่านหลังสัญญาสงบศึกเริ่มต้นทำงาน ผู้นำกลุ่มติดอาวุธ ไซอัด อัล-นาคาลา (Ziad al-Nakhala) ประกาศชัยชนะออกมาโดยกล่าวว่า “นี่เป็นชัยชนะ”
รอยเตอร์รายงานว่า เช้านี้ (8) อิสราเอลเริ่มเปิดช่องผ่านแดนระหว่างกัน บีบีซีชี้ว่าผลจากการเปิดช่องผ่านแดนทำให้รถบรรทุกเชื้อเพลิงสามารถผ่านไปได้อีกครั้ง