รายงานใหม่พบหลักฐาน รัสเซียใช้ห้องทรมาน ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์
รายงานฉบับใหม่จากองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe หรือ OSCE) แสดงหลักฐานการค้นพบห้องทรมานที่ค่ายฤดูร้อนแห่งหนึ่งในเมืองบูชา ประเทศยูเครน
รายงานดังกล่าวเป็นรายงานฉบับที่ 2 ของ OSCE ครอบคลุมช่วงเวลาระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 25 มิถุนายน ผู้เชี่ยวชาญของ OSCE เดินทางไปยังยูเครนเพื่อเก็บรวบรวมหลักฐาน ซึ่งรวมถึงการลงพื้นที่เมืองบูชาและเออร์ปิน ซึ่งรายงานระบุว่าเป็น “สองตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ภายใต้อนุสัญญาเจนีวาและพิธีสารเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมสงคราม”
ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่า หลักฐานภาพถ่ายและวิดีโอแสดงให้เห็นว่ากองกำลังรัสเซียดำเนินการ ‘สังหารพลเรือนในบูชาอย่างมีเป้าหมายและเป็นขบวนการ’ หลักฐานหนึ่งคือ ศพพลเรือนที่ถูกยิงเสียชีวิตโดยถูกมัดมือไว้ด้านหลัง
รายงานดังกล่าวเผยหลักฐานการค้นพบห้องทรมานหลายห้องที่คั่นด้วยผนังคอนกรีต ซึ่งรวมถึงห้องห้องหนึ่งที่รายงานระบุว่า ดูเหมือนจะถูกใช้สำหรับการประหารชีวิต สังเกตจากรูกระสุนหลายรูที่ปรากฏบนผนัง
ขณะที่ในอีกห้องหนึ่งพบหลักฐานการทรมานด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งรวมถึงการกรอกน้ำให้สำลัก (Waterboarding) บนศพผู้ชาย 5 ราย “พวกเขาถูกไฟไหม้ เป็นรอยฟกช้ำ และมีบาดแผลฉีกขาดทั่วตัว” รายงานระบุ
ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของเมืองบูชา พบศพชาย หญิง และเด็กรวม 18 ศพในห้องใต้ดิน รายงานระบุว่า “บางรายถูกตัดหู บางรายถูกถอนฟัน”
OSCE ระบุด้วยว่า มีรายงานผู้หญิงและเด็กผู้หญิงถูกข่มขืนและทารุณกรรมทางเพศโดยกองกำลังรัสเซียเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินแดนของยูเครนที่กองกำลังรัสเซียเพิ่งเข้ายึดครอง
รายงานยังได้ยกกรณีที่เลวร้ายมากหลายกรณี ซึ่งรวมถึงรายงานจาก ลุดไมลา เดนิโซวา กรรมาธิการสิทธิมนุษยชนประจำยูเครน ที่ระบุว่า มีเด็กหญิงและหญิงสาว 25 คน อายุระหว่าง 14-24 ปี ถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินในเมืองบูชาและถูกรุมโทรม รายงานระบุด้วยว่า 9 คนในจำนวนนี้ตั้งครรภ์
รายงานยังแสดงตัวอย่างของพลเรือนยูเครนที่ถูกใช้เป็นโล่มนุษย์ ถูกบังคับให้ต่อสู้กับประเทศของตนเองเคียงข้างกับทหารรัสเซีย และถูกบังคับไปรัสเซียโดยไม่ได้รับความยินยอม
รายงานระบุว่า “ทหารรัสเซียใช้พลเรือนยูเครนกว่า 300 คนเป็นโล่มนุษย์ และกักขังพวกเขาไว้เป็นเวลา 25 วันในเดือนมีนาคมที่ชั้นใต้ดินของโรงเรียนยาฮิดเน ซึ่งเป็นที่ตั้งของค่ายทหารใหญ่ของรัสเซีย”