Burapanews
  • หน้าหลัก
  • ในประเทศ
  • ต่างประเทศ
    • ตะวันออกกลาง
    • ยูโรป
    • ลาตินอเมริกา
    • สหรัฐ
    • เอเชียแปซิฟิก
    • แอฟริกา
  • เทคโนโลยี
  • กีฬา
  • วิเคราะห์ข่าว
  • ไลฟ์สไตล์
No Result
View All Result
Burapanews
Home ในประเทศ

วัฒนา เมืองสุข เตรียมขึ้นศาลคดีบ้านเอื้ออาทร 4 ก.พ.นี้ เชื่อหากศาลรับทราบข้อเท็จจริงจะรู้ทำไมไม่หลบหนี

มกราคม 31, 2022
in ในประเทศ
0
วัฒนา เมืองสุข

วัฒนา เมืองสุข

0
SHARES
36
VIEWS
Share on FacebookShare on Twitter

วัฒนา เมืองสุข เตรียมขึ้นศาลคดีบ้านเอื้ออาทร 4 ก.พ.นี้ เชื่อหากศาลรับทราบข้อเท็จจริงจะรู้ทำไมไม่หลบหนี

Burapanews  รายงานว่า  นายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า กราบเรียนพี่น้องประชาชน
หลายท่านคงแปลกใจว่าทำไมผมจึงยังไม่หนีไปไหนหลังการยื่นอุทธรณ์คดีบ้านเอื้ออาทร ขอแจ้งกำหนดการให้ทราบว่าวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ผมจะแถลงปิดคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และจะไปฟังคำพิพากษาในวันที่ 4 มีนาคม 2565


คดีนี้เป็นคดีที่ 12 ที่ผมได้มาทั้งหมดหลังการรัฐประหารปี 2549 และการรัฐประหารปี 2557 ในขณะที่คดีอื่นๆ ยกฟ้องไปหมดแล้ว นี่คือคดีสุดท้ายที่มิได้มีความซับซ้อนอะไรแต่กลับใช้เวลากว่า 12 ปีในการพิจารณา หากท่านได้รับฟังพยานหลักฐานข้อเท็จจริงทั้งหมดด้วยความใส่ใจก็จะทราบว่าเพราะเหตุใดผมจึงไม่เคยคิดหนี และจะเป็นคนแรกที่ไปถึงศาลในวันนัดอ่านคำพิพากษา หลังจากที่ต้องอดทนต่อการถูกตัดสินโดยศาลเตี้ยในสังคมมายาวนานนับแต่วันแรกที่มีข่าวคดีนี้บนหน้าสื่อ


เนื่องจากสถานการณ์โควิดทำให้ศาลกำหนดให้ส่งรายชื่อผู้ร่วมรับฟังการแถลงปิดคดีในห้องพิจารณาที่จำกัดที่นั่งล่วงหน้า ผมจึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้สื่อสารประเด็นสำคัญในคดีต่อพี่น้องประชาชนครับ


“ข้อเท็จจริงคดีบ้านเอื้ออาทร”


นายวัฒนา เมืองสุข (จำเลยที่ 1) ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจรัฐมนตรีโดยมิชอบออกประกาศรับซื้อโครงการบ้านเอื้ออาทรฉบับใหม่เพื่อใช้เป็นช่องทางเรียกรับประโยชน์จากผู้ประกอบการ ทำให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เสียหายต้องรับซื้อโครงการในราคาที่แพงขึ้น จากนั้นจำเลยที่ 1 ได้เรียกประชุมผู้ประกอบการและเรียกค่าตอบแทนการอนุมัติหน่วยก่อสร้างต่อหน้าที่ประชุมหน่วยละ 11,000 บาท ใครไม่ตกลงจะไม่อนุมัติหน่วยก่อสร้างให้เว้นแต่จะมีหน่วยเหลือจึงจะนำมาจัดสรรให้ในภายหลัง


ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นความเท็จที่เกิดจากจินตภาพของประธานอนุกรรมการไต่สวนที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของจำเลยที่ 1 ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่พยานได้ให้การในชั้นศาล โดยแบ่งรายละเอียดสำคัญออกเป็น 7 ประเด็น ดังนี้
ประเด็นที่ 1 เรื่องการออกประกาศรับซื้อโครงการ (ToR)


ผลการไต่สวนของ ป.ป.ช. สรุปว่าการออกประกาศดังกล่าวทำตามขั้นตอนเพื่อแก้ไขปัญหาความล่าช้าของโครงการ และเป็นการดำเนินการตามมติ ครม. ทำให้ กคช. สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้จริง เป็นประโยชน์ต่อ กคช. และประชาชนที่จองซื้อโครงการไว้ ไม่ได้ทำให้ กคช. เสียหายและเอกชนไม่ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น


ยิ่งไปกว่านั้น ToR ฉบับนี้ถูกร่างขึ้นภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตัดช่องโหว่ที่จะทำให้เกิดการทุจริตจากการพิจารณาด้วยดุลพินิจได้ เพราะเป็นการพิจารณารับซื้อด้วยคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้โดยวิธีเช็คลิสต์ ผู้ประกอบการทุกรายจึงเพียงมีคุณสมบัติและหลักประกันครบถ้วนมาแสดงต่อผู้ตรวจสอบเท่านั้น จึงเป็นประกาศที่ถูกใช้มาแม้ภายหลังที่มีการยึดอำนาจแล้ว
ประเด็นที่ 2 เรื่องการอนุมัติหน่วยก่อสร้าง


ผลการไต่สวนของ ป.ป.ช. สรุปว่าผู้ประกอบการที่ยื่นคำขอมาในระยะเวลาของประกาศ หากมีคุณสมบัติ ทุนจดทะเบียน และหลักประกันถูกต้องจะได้รับอนุมัติหน่วยก่อสร้างตามคำขอทุกรายโดยยังมีหน่วยเหลือไม่มีผู้ขออีกถึง 58,000 หน่วย เพราะโครงการบ้านเอื้ออาทรในยุคของจำเลยที่ 1 ได้มีการวางหลักเกณฑ์ของ ToR ในลักษณะที่ปิดโอกาสของการคอร์รัปชั่น และมีหน่วยก่อสร้างมากกว่าความต้องการผู้ประกอบการ จึงไม่มีความจำเป็นที่ผู้ประกอบการจะต้องวิ่งเต้นให้ได้งาน ซึ่งถ้าไปเทียบกับคดีการทุจริตในกรณีอื่นจะเห็นว่าส่วนใหญ่การวิ่งเต้นจะเกิดเพราะมีการแข่งขันแย่งงานของผู้ประกอบการหลายเจ้าซึ่งแย่งงานหรือแย่งโครงการกัน ต่างจากโครงการบ้านเอื้ออาทรในยุคของจำเลยที่ 1 ที่ไม่มีมูลเหตุจูงใจให้ต้องวิ่งเต้น


ประเด็นที่ 3 เรื่องการจ่ายเงินล่วงหน้าแก่ผู้ประกอบการตามสัญญา


ผลการไต่สวนของ ป.ป.ช. สรุปว่าเป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตามเงื่อนไขของสัญญาที่ผ่านการตรวจพิจารณาของ อสส. แล้ว เป็นไปตามระเบียบและหลักเกณฑ์ของ กคช. มีหลักประกันถูกต้อง ไม่มีความเสียหายและไม่มีผู้ใดกระทำความผิด
ประเด็นที่ 4 เรื่องการดำเนินการตามประกาศของกรรมการและเจ้าหน้าที่ กคช.


ผลการไต่สวนของ ป.ป.ช. สรุปว่าผู้ว่าการ คณะกรรมการ คณะกรรมการกลั่นกรอง และเจ้าหน้าที่ กคช. ทุกคนไม่มีผู้ใดกระทำความผิดในการดำเนินการตามโครงการบ้านเอื้ออาทรให้ข้อกล่าวหาตกไป (ยกเว้นนายมานะ วงศ์พิพัฒน์ ซึ่งถูกชี้มูลแต่ต่อมาศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องว่าไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา)


ประเด็นที่ 5 เรื่องการกล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการต่อหน้าที่ประชุม


ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเท็จโดยสิ้นเชิง เนื่องจาก


(1) มีพยานเพียงคนเดียวที่กล่าวหาจากผู้เข้าประชุมเกือบ 50 คน ซึ่งต่อมาพยานปากนี้ได้ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน และได้ไปให้การใหม่ต่อหน้าผู้แทน อสส. และ ป.ป.ช. ฝ่ายละ 10 คน ว่าที่ให้การไปเพราะถูก คตส. สั่งให้พูดเพื่อแลกกับการไม่ถูกฟ้องเป็นจำเลย


(2) การเรียกร้องค่าตอบแทนต่อหน้าที่ประชุมซึ่งมีทั้งผู้ประกอบการ ผู้บริหารระดับสูง เจ้าหน้าที่ กคช. และเจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม. หลายสิบคน ไม่ใช่วิสัยของคนปกติที่จะกระทำ ส่วนผลการไต่สวนพยานคนอื่นๆ ที่เข้าประชุมยืนยันว่าไม่มีการเรียกร้องผลประโยชน์ตามข้อกล่าวหา


(3) การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมเรื่องเงินล่วงหน้าที่ผู้ประกอบการที่ได้งานแล้วขอเบิกตามสัญญา ผู้ประกอบการทุกรายที่มาร่วมประชุมล้วนเป็นผู้ที่ได้รับอนุมัติให้เป็นคู่สัญญากับ กคช. แล้ว จึงได้มีสิทธิขอเบิกเงินล่วงหน้าตามสัญญา ดังนั้น ข้อกล่าวหาที่ว่าเรียกเงินเพื่อแลกกับการอนุมัติหน่วยก่อสร้างจึงเป็นไปไม่ได้เพราะผู้ประกอบการทุกรายได้รับอนุมัติหน่วยก่อสร้างและเป็นคู่สัญญาแล้ว (ตามรายงานของ ป.ป.ช. ผู้ประกอบการทุกรายได้รับอนุมัติหน่วยก่อสร้างโดยไม่มีใครไปเรียกร้องค่าตอบแทนและยังมีหน่วยก่อสร้างที่ไม่มีผู้ขออีกถึง 58,000 หน่วย)


(4) ผลการไต่สวนของ ป.ป.ช. และคำพิพากษาคดีนี้ที่สรุปว่าผู้ว่าการ กรรมการ และเจ้าหน้าที่ กคช. ทุกคนไม่มีผู้ใดกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ดังนั้น เมื่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่กระทำทุกอย่างถูกต้อง จำเลยที่ 1 ที่เป็นรัฐมนตรีผู้กำกับนโยบายจึงจะกระทำผิดเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้ประกอบการไม่ได้ อีกทั้งการดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอนจึงไม่มีผลประโยชน์ตอบแทนเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการต้องจ่ายเงิน


(5) ผลการตรวจสอบเส้นทางเงินของจำเลยอื่นที่ถูกกล่าวหาว่ามีการแอบอ้างอำนาจของจำเลยที่ 1 เพื่อเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการแลกเปลี่ยนกับการได้รับอนุมัติให้เป็นคู่สัญญากับ กคช. นั้น พยานหลักฐานชี้ชัดว่าเป็นธุรกรรมที่ใช้เพื่อธุรกิจ ค่านายหน้าซื้อขายที่ดิน และการดำเนินกิจการของบริษัทนั้นๆ เอง ไม่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับจำเลยที่ 1 หรือเจ้าหน้าที่รัฐผู้อื่นที่เกี่ยวข้องกับโครงการ และตรวจสอบเส้นทางการเงินของจำเลยที่ 1 แล้วไม่พบธุรกรรมที่ผิดปกติ


ประเด็นที่ 6 เรื่องกระบวนการไต่สวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย


เมื่อข้อกล่าวหาเป็นเท็จเพราะเกิดจากจินตภาพของประธานอนุกรรมการไต่สวนที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองกับจำเลยที่ 1 จึงเกิดกระบวนการไต่สวนที่ไม่ชอบและมีการกระทำที่ผิดกฎหมายเพื่อให้พยานปรักปรำจำเลยที่ 1 ให้เป็นไปตามโครงเรื่องที่วางไว้ กล่าวคือ


(1) ใช้อำนาจคณะอนุกรรมการไต่สวนก่อนได้รับการแต่งตั้ง


(2) ใช้อำนาจตามอำเภอใจจูงใจ ให้คำมั่นสัญญา ขู่เข็ญผู้ประกอบการเพื่อให้ร่วมมือกล่าวหาจำเลยที่ 1 แลกกับการไม่ถูกฟ้องอันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะในขณะทำการไต่สวนยังไม่มีกฎหมายอนุญาตให้กันผู้มีส่วนร่วมกระทำความผิดไว้เป็นพยาน


(3) กฎหมายห้ามอ้างพยานที่เกิดจากการจูงใจ มีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หรือโดยมิชอบประการอื่นเป็นพยานต่อศาล


(4) พยานหลายคนให้การยอมรับกลางศาลเองว่า คตส. ทำคำให้การขึ้นเองแล้วเรียกพยานมาลงนามเพื่อแลกกับการไม่ถูกฟ้องโดยพยานไม่ทราบข้อเท็จจริง


(5) สำเนาเอกสารที่เป็นพยานโจทก์หลายฉบับที่ใช้ปรักปรำจำเลยที่ 1 ถูกทำขึ้นเองและไม่ตรงกับต้นฉบับ
ประเด็นที่ 7 เรื่องปัญหาข้อกฎหมาย


จำเลยที่ 1 เป็นรัฐมนตรีมีอำนาจกำกับโดยทั่วไปซึ่งกิจการของ กคช. แต่ไม่มีอำนาจในตำแหน่งสามารถอนุมัติให้ผู้ประกอบการได้เป็นคู่สัญญากับ กคช. ตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจเป็นตัวการกระทำความผิดตาม ปอ. มาตรา 148 ตามที่ศาลพิพากษาได้ ส่วนผู้ที่มีอำนาจอนุมัติให้ผู้ประกอบการได้เป็นคู่สัญญากับ กคช. คือกรรมการซึ่งไม่มีผู้ใดกระทำความผิด จึงไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้เพราะไม่มีตัวการกระทำความผิด


หมายเหตุ


(1) การต่อรองกับผู้ประกอบการเพื่อกันไว้เป็นพยาน คตส. ได้ยอมรับเองตามหนังสือของประธานอนุกรรมการไต่สวนฯ ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2551 ความว่า “หากผู้รับเหมารายใดให้ความร่วมมือ ให้ปากคำไปตามความเป็นจริง คตส. ก็มีแนวทางจะไม่กล่าวหาผู้รับเหมานั้นในฐานให้สินบน” ก่อนที่จะทำคำให้การขึ้นเองแล้วเรียกผู้รับเหมามาเซ็น


(2) ประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการกันบุคคลหรือผู้ถูกกล่าวหาไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดีฯ เพิ่งประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2554 อันเป็นภายหลังจากการกันพยานคดีนี้โดย คตส. และ ป.ป.ช. จึงเป็นพยานที่เกิดจากการจูงใจ มีคำมั่นสัญญา ฯ ไม่ชอบด้วย ป. วิอาญา ที่ห้ามอ้างเป็นพยาน


(3) การดำเนินโครงการตามประกาศฉบับใหม่ในสมัยจำเลยที่ 1 ไม่มีความเสียหาย ส่วนโครงการบ้านเอื้ออาทรที่อำเภอสุไหงโกลกที่มีการนำมาโจมตีทางโซเชียลมีเดียว่าเป็นโครงการร้างสร้างความเสียหายนั้น ตามข้อมูลของไทยพีบีเอสแจ้งว่าเป็นโครงการที่เริ่มดำเนินการเมื่อเดือนกันยายน 2550 ส่วนจำเลยที่ 1 พ้นจากตำแหน่งเพราะการยึดอำนาจตั้งแต่ปี 2549 แล้ว (อ้างอิงข่าว Thai PBS วันที่ 1 สิงหาคม 2563)


ขอขอบคุณทุกท่านที่กรุณาอ่านมาถึงตรงนี้ครับ


วัฒนา เมืองสุข
พรรคไทยสร้างไทย
31 มกราคม 2565

 

ที่มา เฟสบุ๊ก วัฒนา เมืองสุข

Related posts

‘ก็คอยสิจ๊ะ’ นายกฯประยุทธ์

ก็คอยสิจ๊ะ นายกฯ บอกให้รอประกาศราชกิจจาฯ ยุบสภา

มีนาคม 20, 2023
ครม. ไฟเขียวลงนามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนไทย-รัสเซียแล้ว

ครม. ไฟเขียวลงนามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนไทย-รัสเซียแล้ว เงื่อนไขเป็นความผิดโทษจำคุกเกินกว่า 1 ปี ถึงส่งตัวได้

มีนาคม 20, 2023
Tags: Burapanewsคดีบ้านเอื้ออาทรวัฒนา เมืองสุขสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย
Previous Post

กลุ่ม Saveนาบอน ยื่นหนังสือถึง ประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรียกร้องให้ยุติโครงการโรงไฟฟ้า ACE

Next Post

องค์การอนามัยโลก รัฐบาลเงาเมียนมาและโป๊ปฟรานซิส ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสันติภาพ

Next Post
โนเบลสันติภาพ

องค์การอนามัยโลก รัฐบาลเงาเมียนมาและโป๊ปฟรานซิส ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสันติภาพ

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

RECOMMENDED NEWS

กระทรวงการต่างประเทศ

กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ประณามการลอบสังหารนายอาเบะ ชินโซ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น

8 เดือน ago

เกิดเหตุอาคารพังถล่มเกิดขึ้นในเมืองอเลปโปของซีเรีย เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16 ราย

1 เดือน ago

รัสเซีย ประกาศ ‘โจมตีครั้งใหญ่’ ตลอดแนวหน้ายูเครน

6 เดือน ago

จีนและรัสเซีย ออกตัวปกป้องเกาหลีเหนือจากมาตรการคว่ำบาตร

10 เดือน ago

BROWSE BY CATEGORIES

  • Uncategorized
  • กีฬา
  • ตะวันออกกลาง
  • ต่างประเทศ
  • ท่องเที่ยว
  • ยูโรป
  • ลาตินอเมริกา
  • วิเคราะห์ข่าว
  • สหรัฐ
  • สุขภาพ
  • เทคโนโลยี
  • เอเชียแปซิฟิก
  • แอฟริกา
  • ในประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์

BROWSE BY TOPICS

Burapanews การเมือง ขีปนาวุธ จีน ซาอุดีอาระเบีย ซีเรีย ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง ตุรกี ต่างประเทศ นายกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี นาโต ประเทศไทย ปาเลสไตน์ ปูติน ฝรั่งเศส พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยุโรป ยูเครน รัสเซีย ศาลรัฐธรรมนูญ สงคราม สหรัฐ สหรัฐอเมริกา สหรัฐฯ สำนักข่าวต่างประเทศ อังกฤษ อาเซียน อินโดนีเซีย อิรัก อิสราเอล อิสลาม อิหร่าน อเมริกา เกาหลีใต้ เซเลนสกี เมียนมา เยเมน โควิด โอมิครอน ในประเทศ ไต้หวัน ไทย ไบเดน

POPULAR NEWS

  • ประธานาธิบดียูเครน

    ประธานาธิบดียูเครน พ้อชาติตะวันตกและนาโต้ ปล่อยให้ยูเครนสู้อย่างเดียวดาย

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • ทำความรู้จัก กองพันนีโอนาซีของยูเครน กัน

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • แหล่งข่าวซีเรีย แฉ สหรัฐฯปล่อยนักโทษไอซิสจากซีเรียไปร่วมสู้รบในยูเครน

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • ด่วน! กองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน แถลงการณ์ยอมรับอยู่เบื้องหลังการโจมตีฐานที่มั่นของมอสสาดของอิสราเอลในอิรัก

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • ประวัติวันลอยกระทง กับวิถีใหม่ของประเพณีเก่า

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
Burapanews

Burapa news ขอเป็นทางเลือกใหม่ในการเข้าถึงข่าวสาร ทั่วโลก จากสำนักข่าวในประเทศและต่างประเทศ ที่เชื่อถือได้

Follow us on social media:

ข่าวล่าสุด

  • ก็คอยสิจ๊ะ นายกฯ บอกให้รอประกาศราชกิจจาฯ ยุบสภา
  • ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามชี้ การวางยาบรรดานักเรียน ถือเป็นอาชญากรรมที่ไม่อาจให้อภัย
  • ครม. ไฟเขียวลงนามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนไทย-รัสเซียแล้ว เงื่อนไขเป็นความผิดโทษจำคุกเกินกว่า 1 ปี ถึงส่งตัวได้

ข่าวล่าสุด

‘ก็คอยสิจ๊ะ’ นายกฯประยุทธ์

ก็คอยสิจ๊ะ นายกฯ บอกให้รอประกาศราชกิจจาฯ ยุบสภา

มีนาคม 20, 2023
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามชี้

ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามชี้ การวางยาบรรดานักเรียน ถือเป็นอาชญากรรมที่ไม่อาจให้อภัย

มีนาคม 20, 2023
No Result
View All Result
  • หน้าหลัก
  • ในประเทศ
  • ต่างประเทศ
    • ตะวันออกกลาง
    • ยูโรป
    • ลาตินอเมริกา
    • สหรัฐ
    • เอเชียแปซิฟิก
    • แอฟริกา
  • เทคโนโลยี
  • กีฬา
  • วิเคราะห์ข่าว
  • ไลฟ์สไตล์