ปฏิบัติการพายุอัล-อักซอ ได้ทำลายแผนการร้ายของไซออนิสต์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
Burapanews สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านกล่าวปาฐกถาพิเศษ จากการรวมตัวครั้งใหญ่ของประชาชน เนื่องในวโรกาสครบ 35 ปีแห่งอสัญกรรมอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) โดยท่านผู้นำกล่าวอธิบายถึงความสำคัญและความโดดเด่นของประเด็นปาเลสไตน์ในมุมมองและวิสัยทัศน์ของอิมามโคมัยนี ผู้ล่วงลับ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงคำพยากรณ์ของท่านอิมาม ผู้ยิ่งใหญ่ ที่เกี่ยวกับปาเลสไตน์เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมาว่า กำลังจะเกิดขึ้นจริงอย่างค่อยเป็นค่อยไป และการปฏิบัติการอันน่าอัศจรรย์ของพายุอัล-อักซอได้ทำให้แผนการที่กว้างขวางของเหล่าศัตรูที่จะครอบงำภูมิภาคและโลกอิสลาม ต้องเป็นโมฆะ ทั้งยังทำให้ระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์อยู่บนเส้นทางแห่งการทำลายล้าง และด้วยแสงแห่งการยืนหยัด ความศรัทธา และประชาชนชาวกาซ่าที่น่าชื่นชม ได้ทำให้รัฐเถื่อนที่ยึดครองกำลังจะถูกหลอมละลายไปต่อสายตาของประชาคมโลก”
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวยกย่องถึงลักษณะพิเศษและการรับใช้ประชาชนของประธานาธิบดี ผู้เป็นชะฮีด และขอบคุณต่อการเข้าร่วมของประชาชาติอย่างเต็มความหมายและยิ่งใหญ่ ในพิธีแห่ศพของบรรดาชะฮีดการรับใช้ประชาชน โดยท่านกล่าวว่า “วีรกรรมแห่งการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ จะช่วยเติมเต็มวีรกรรมของประชาชาติในการอำลาบรรดาชะฮีดแห่งการให้รับใช้ประชาชน และหากพระเจ้าทรงประสงค์ ภายใต้ร่มเงาของการมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้น คะแนนเสียงที่มากเพิ่มขึ้นของประชาชาติและการยึดหลักจริยธรรม และศีลธรรมในการแข่งขันการเลือกตั้ง จะมีการเลือกประธานาธิบดีที่ทำงานอย่างหนัก มีความกระตือรือร้น ความเข้าใจ และเชื่อมั่นในพื้นฐานและหลักการของการปฏิวัติอิสลาม และในขณะที่จะต้องรักษาและเติมเต็มช่องว่างทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และผลประโยชน์ของประเทศในภูมิภาคและโลก”
ในพิธีการดังกล่าวนี้ มีประชาชนเข้าร่วมอย่างมากมาย ซึ่งจัดขึ้น ณ ฮะรัมของผู้สถาปนาสาธารณรัฐอิสลาม โดยท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า วัตถุประสงค์ของการรวมตัวครั้งใหญ่ในทุกปีของประชาชน คือ การฟื้นฟูความทรงจำของอิมามโคมัยนีและการใช้ประโยชน์จากบทเรียนของเขา สำหรับการบริหาร ความก้าวหน้าของประเทศและการบรรลุสู่เป้าหมายของการปฏิวัติอิสลาม
ในช่วงแรกของการปาฐกถาพิเศษ อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวอธิบายถึงความสำคัญของประเด็นปาเลสไตน์ในความคิดและทัศนะของอิมามโคมัยนี โดยท่านกล่าวว่า “นับตั้งแต่วันแรกของการเริ่มต้นขบวนการอิสลาม ท่านอิมามได้กล่าวถึงประเด็นปาเลสไตน์ และด้วยทัศนะที่แม่นยำและการมองการณ์ไกล ท่านอิมามได้พยากรณ์เส้นทางในอนาคตของประชาชาติปาเลสไตน์ ซึ่งทัศนะที่ชัดเจนและสำคัญอย่างมากนี้ของท่านอิมาม กำลังจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การพยากรณ์การโค่นล้มระบอบทรราชที่กดขี่ ในช่วงเริ่มต้นของขบวนการอิสลาม และการล่มสลายระบอบคอมมิวนิสต์ ระหว่างการปกครองและความชอบธรรมของระบอบสหภาพโซเวียต เป็นอีกสองตัวอย่างของทัศนะที่ชัดเจนอันพิเศษของท่านอิมามโคมัยนี
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การไม่ยึดติดในการเจรจาสันติภาพ การเข้าร่วมของประชาชาติปาเลสไตน์ ในสนามแห่งการปฏิบัติ การเรียกร้องสิทธิ และการสนับสนุนประชาชนชาวปาเลสไตน์ของประชาชาติทั้งหลาย โดยเฉพาะประชาชาติอิสลลาม เป็นบทสรุปโดยย่อจากทัศนะของอิมามโคมัยนีที่มีต่อชัยชนะของประชาชาติปาเลสไตน์ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ กำลังจะเกิดขึ้นในขณะนี้ด้วยเช่นกัน”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ที่ติดกับดักในภาคสนาม เนื่องจากการปฏิบัติการของพายุอัล-อักซอ โดยท่านกล่าวว่า “แม้ว่า อเมริกาและรัฐบาลชาติตะวันตกหลายแห่ง จะยังคงสนับสนุนระบอบรัฐเถื่อนนี้ต่อไป แต่พวกเขาก็รู้ด้วยว่าไม่มีทางรอดพ้นสำหรับระบอบที่ยึดครองอยู่นี้
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การตอบสนองต่อความต้องการที่สำคัญของภูมิภาค และ การสร้างความเสียหายขั้นพื้นฐานต่อระบอบรัฐเถื่อน อาชญากร เป็นลักษณะพิเศษที่สำคัญสองประการของปฏิบัติการพายุอัล-อักซอ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “อเมริกา องค์ประกอบไซออนิสต์ระดับโลก และรัฐบาลบางแห่งในภูมิภาค มีวางแผนการที่ใหญ่หลวงและมีความละเอียดอ่อน สำหรับการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์และสมการของภูมิภาค โดยพวกเขาจะสร้างความสัมพันธ์ตามที่ต้องการ ระหว่างระบอบไซออนิสต์และรัฐบาลของภูมิภาค เพื่อเป็นพื้นฐานสู่การครอบงำของระบอบรัฐเถื่อนที่น่าเกลียดชังต่อการเมืองและเศรษฐกิจของเอเชียตะวันตกและโลกอิสลามทั้งหมด”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “แผนการอันชั่วร้ายนี้ เกิดขึ้นใกล้เคียงกับช่วงเวลาแห่งการปฏิบัติการพายุแห่งอัล-อักซอ ที่เริ่มต้นขึ้นและยังได้ทำลายโครงการต่างๆของอเมริกา ไซออนิสต์ และเหล่าพันธมิตรของพวกเขาไปจนหมดสิ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุการณ์ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ไม่มีความหวังใดๆที่จะรื้อฟื้นแผนการร้ายดังกล่าวได้อีกด้วย”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า อาชญากรรมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและความโหดร้ายอันไร้ขอบเขตของระบอบรัฐเถื่อน และการสนับสนุนของรัฐบาลอเมริกาต่อความโหดร้ายเหล่านี้ เป็นปฏิกิริยาที่โกรธกริ้วต่อการถูกทำลายของแผนการสมรู้ร่วมคิดที่ใหญ่หลวงระดับนานาชาติ สำหรับการครอบงำของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในภูมิภาค”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ในการอธิบายลักษณะที่พิเศษประการที่สองของพายุอัล-อักซอ กล่าวคือ การสร้างความเสียหายที่ไม่สามารถชดเชยได้ต่อรัฐเถื่อนไซออนิสต์ โดยอ้างถึงการยอมรับของบรรดานักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกาและชาวยุโรป หรือแม้แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับระบอบการปกครองที่น่าเกลียดชัง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พวกเขายังยอมรับด้วยว่า ระบอบการปกครองที่ยึดครอง พร้อมทั้งความอาฆาตพยาบาทที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดจากกลุ่มมุกอวะมะห์ ก็ได้รับความพ่ายแพ้อย่างหนักหน่วงและยังไม่บรรลุเป้าหมายแม้แต่น้อย หลังจากที่ผ่านไป 8 เดือนแล้วก็ตาม”
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ให้เห็นถึงคำพูดของนักวิเคราะห์ชาวตะวันตกที่เกี่ยวกับพลังของพายุอัล-อักซอ สำหรับการเปลี่ยนแปลงศตวรรษที่ 21 โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “นักวิเคราะห์และนักประวัติศาสตร์ทั้งหลายต่างชี้ให้เห็นถึงความสับสนและความมึนงงของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ คลื่นของการอพยพแบบย้อนกลับ การไม่สามารถปกป้องผู้อยู่อาศัยในดินแดนที่ถูกยึดครองและโครงการต่างๆของไซออนิสต์ จะใกล้ถึงลมหายใจสุดท้าย และท่านเน้นย้ำว่า “โลก จะใกล้ถึงจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของระบอบไซออนิสต์”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนปัญหาปาเลสไตน์ให้เป็นปัญหาแรกของโลกและการประท้วงต่อต้านระบอบไซออนิสต์ในกรุงลอนดอน ปารีส และในมหาวิทยาลัยต่างๆของสหรัฐฯ โดยท่านกล่าวว่า “เป็นเวลาหลายปีแล้ว ที่ศูนย์กลางของการโฆษณาชวนเชื่อและการสื่อสารของพวกอเมริกา-ไซออนิสต์ พยายามที่จะลืมเลือนปัญหาปาเลสไตน์ แต่ท่ามกลางพายุอัล-อักซอและการยืนหยัดของประชาชนชาวกาซ่า ปาเลสไตน์ ณ บัดนี้ ถือเป็นปัญหาแรกของโลกและสหรัฐฯ กลายเป็นฝ่ายที่เฉยเมยต่อฉันทามติระดับโลกของประชาชาติทั้งหลาย และในไม่ช้านี้ พวกเขาก็จะต้องวางมือจากการสนับสนุนต่อระบอบไซออนิสต์”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความโศกเศร้าของประชาชนชาวกาซ่า รวมถึงการเป็นชะฮีดของผู้คนประมาณ 40,000 รายและการสังหารเด็กและทารกประมาณ 15,000 คน เป็นค่าใช้จ่ายอันหนักหน่วงของประชาชาติปาเลสไตน์บนเส้นทางที่นำไปสู่ความรอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกไซออนิสต์ โดยท่านกล่าวว่า “ประชาชนชาวกาซ่า ด้วยเกียรติของความศรัทธาต่ออิสลามและความเชื่อมั่นในโองการอัลกุรอาน จะต้องมีความอดทนต่อปัญหาต่างๆต่อไปและจะปกป้องต่อเหล่าผู้สร้างวีรกรรมและนักต่อสู้ ด้วยการยืนหยัดน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การคำนวณที่ผิดพลาดของรัฐเถื่อนไซออนิสต์ที่เกี่ยวกับศักยภาพของแนวร่วมการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ เป็นเหตุผลที่ทำให้ระบอบนี้ต้องพบกับทางตัน ซึ่งจะทำให้เกิดความล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง และจะไม่มีทางรอดพ้นออกจากทางตันนี้ ด้วยอำนาจ และพลานุภาพของพระเจ้า”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวสรุปคำพูดของท่านที่เกี่ยวกับปาเลสไตน์ด้วยประโยคเหล่านี้ “ถึงแม้นว่า จะมีการโฆษณาชวนเชื่อจากชาติตะวันตก แต่ระบอบไซออนิสต์ก็กำลังจะถูกหลอมละลายและสิ้นสุดต่อสายตาของผู้คนในโลก และนอกเหนือจากประชาชาติต่างๆแล้ว นักการเมืองจำนวนมากของโลก และแม้แต่พวกไซออนิสต์เอง ก็ยังเข้าใจถึงข้อเท็จจริงนี้”
ในส่วนที่สองของการปาฐกถาพิเศษ ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวถึงเหตุการณ์การเป็นชะฮีดของประธานาธิบดีระอีซี ผู้เป็นที่รักและทำงานอย่างหนัก พร้อมทั้งบรรดาผู้ร่วมทางของเขา โดยท่านกล่าวว่า “บรรดาผู้ร่วมทางของประธานาธิบดี แต่ละคนนั้น ต่างก็มีบุคลิกภาพที่มีคุณค่าตามลำดับต่อไป”
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวเทอดเกียรติต่อบรรดาผู้ร่วมทางของประธานาธิบดี โดยท่านกล่าวว่า “มัรฮูมอาลิฮาชิม อิมามญุมอะฮ์ที่กระตือรือร้น เป็นที่รักของประชาชน และมีความเหมาะสมของเมืองทาบริซ ทั้งยังเป็นตัวแทนของผู้นำสูงสุดในจังหวัดที่สำคัญของอาเซอร์ไบจานตะวันออก และ เป็นบุคคลอันทรงคุณค่าที่มีความสัมพันธ์ด้วยหัวใจและการทำงานร่วมกับประชาชน ทั้งเยาวชน นักศึกษา ศิลปิน และนักกีฬา”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “มัรฮูมอะมีร อับดุลลอฮิยอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้น ทำงานอย่างหนัก และมีความคิดสร้างสรรค์ เป็นนักเจรจาที่แข็งแกร่ง มีความฉลาดหลักแหลม และเป็นผู้ที่ยึดมั่นในหลักการและพื้นฐานของการปฏิวัติอิสลาม นอกจากนี้ บรรดาผู้ร่วมทางคนอื่นๆ ไม่ว่า จะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอาเซอร์ไบจานตะวันออก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่วนตัวของประธานาธิบดี หรือลูกเรือที่มีเกียรติทั้ง 3 คน ต่างก็เป็นบุคคลที่เหมาะสม มีความโดดเด่น และเป็นผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การสูญเสียผู้มีเกียรติเหล่านี้ เป็นการสูญเสียสำหรับประเทศอย่างแท้จริง โดยท่านกล่าวว่า “อัลกุรอานได้กล่าวไว้ในซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์ว่า อย่าได้เรียกผู้ที่ถูกสังหารในแนวทางของพระเจ้าว่า เป็นความตาย เพราะว่า พวกเขานั้นยังมีชีวิตอยู่ แต่ทว่า พวกเจ้านั้นไม่รู้ และเนื่องจากโองการนี้ไม่ได้กล่าวถึงการเคลื่อนไหวทางทหาร หรือสงคราม ฉะนั้น ผู้ใดก็ตามที่ถูกสังหารในแนวทางของพระเจ้า เช่น แนวทางในการรับใช้ประชาชน ความพยายามสำหรับพวกเขา และแนวทางในการบริหารจัดการประเทศและความก้าวหน้าของระบอบสาธารณรัฐอิสลาม เขานั้นก็คือ ชะฮีด”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า มัรฮูมระอีซี และบรรดาผู้ร่วมทางของเขา คือ บุคคลที่ถูกกล่าวไว้ในโองการอันจำเริญนี้ของอัลกุรอาน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เรานั้นถือว่า บุคคลที่มีเกียรติเหล่านี้ เป็นชะฮีดในการรับใช้ประชาชน ดังที่ประชาชนต่างๆเรียกพวกเขาว่า เป็นชะฮีดแห่งการรับใช้และชะฮีดแห่งสาธารณรัฐฯ”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า โศกนาฏกรรมของการสูญเสียประธานาธิบดี เป็นเรื่องที่หนักหนาอย่างมากสำหรับประเทศ และท่านยังกล่าวอธิบายถึงลักษณะอันพิเศษที่โดดเด่นของชะฮีดระอีซี โดยท่านกล่าวว่า “ทุกคนยอมรับว่า เขาเป็นบุรุษแห่งการทำงาน การปฏิบัติ การรับใช้ มีความบริสุทธิ์ใจ และความซื่อสัตย์ สำหรับการรับใช้ประชาชน เขานั้นเป็นผู้ที่ไม่รู้จัก ทั้งกลางวันและกลางคืน ระอีซี ผู้มีเกียรติและศักดิ์ศรี ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในการรับใช้ประเทศและประชาชาติ ซึ่งแม้ว่าจะมีพยายามจากข้าราชการก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่ก็ไม่เคยอยู่ในระดับปริมาณ และคุณภาพ ด้วยความซื่อสัตย์และการทำงานอย่างหนักเช่นนี้มาก่อน”
การขับเคลื่อนในนโยบายต่างประเทศอย่างมากมายและมีเกียรติ สำหรับปัจจุบันและอนาคตของประเทศ การใช้ประโยชน์จากโอกาสและการทำให้อิหร่านมีความโดดเด่นในสายตาของเหล่าผู้นำทางการเมืองของโลก ถือเป็นลักษณะที่พิเศษหลายประการของชะฮีดระอีซี ซึ่งผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ให้เห็น และเกี่ยวกับลักษณะพิเศษในการบริหารจัดการของชะฮีดผู้นี้ ท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “วิถีในการบริหารจัดการของเขา ในหมู่เพื่อนร่วมงานของเขา มีความพิเศษและมาพร้อมกับความบริสุทธิ์ใจและมีความเป็นกันเอง”
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า เกียรติยศ ศักดิ์ศรีและการให้ความเคารพต่อประชาชน และการมอบเวทีให้พวกเขา การให้เกียรติและความไว้วางใจต่อเยาวชน เป็นลักษณะที่พิเศษหลายประการอันโดดเด่นของประธานาธิบดี ผู้ล่วงลับ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เขายังปฏิบัติอย่างดีด้วยการให้เกียรติต่อบุคคลที่ดูหมิ่นและกล่าวร้ายเขา และเขาก็ไม่เคยตอบโต้ด้วยคำพูดที่รุนแรง น่ารังเกียจและความโกรธกริ้วเลย”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การแบ่งขอบเขตที่ชัดเจนกับเหล่าศัตรูและฝ่ายตรงข้ามกับการปฏิวัติอิสลาม การหลีกเลี่ยงจากการพูดจาสองแง่สองง่าม และการไม่เชื่อมั่นต่อรอยยิ้มของศัตรู เป็นลักษณะพิเศษที่เป็นบทเรียนประการหนึ่งของชะฮีดระอีซี โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ลักษณะพิเศษแต่ละประการเหล่านี้ ถือเป็นแบบอย่างสำหรับนักการเมืองและประธานาธิบดีในอนาคตและตัวแทนที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนในทุกภาคส่วน”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงการยกย่องบุคลิกภาพ การรับใช้ประชาชนและความเพียรพยายาม ทั้งกลางวันและกลางคืนของชะฮีดระอีซี ภายหลังการสูญเสียเขาในการสื่อสารมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ และจากคำพูดของผู้คนและกระแสต่างๆ โดยท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจต่อระอีซี ด้วย ซึ่งมีบางคนในสมัยการมีชีวิตของเขา หรือแม้แต่ไม่ได้พูดจาอะไรสักคำเกี่ยวกับคำพูดเหล่านี้เลย และแม้ว่าพวกเขาจะเห็นถึงความโดดเด่นเหล่านี้ แต่พวกเขาก็ซ่อนเร้น หรือพูดจาที่ตรงกันข้าม และยังเป็นการรังแกเขา ซึ่งแน่นอนว่า เขามักจะไม่ตอบโต้แต่อย่างใด แต่ทว่าบางครั้งเขาก็มาหาข้าพเจ้าและฟ้องร้องในบางส่วน”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังขอพรต่อพระเจ้า โปรดยกฐานันดรอันสูงส่งให้กับชะฮีดระอีซี ผู้มีเกียรติและศักดิ์ศรี พร้อมทั้งบรรดาผู้ร่วมทางของเขา และปรารถนาความอดทนให้กับครอบครัวของพวกเขา ถือว่า การเข้าร่วมของประชาชนหลายล้านคน ในพิธีแห่ศพและการอำลาของผู้เป็นที่รักเหล่านี้ เป็นฤดูกาลที่โดดเด่นและควรค่าต่อการวิเคราะห์ โดยท่านกล่าวว่า “ปฏิกิริยาประการหนึ่งในการเผชิญกับความโศกเศร้าทั้งปัจเจกบุคคลและในระดับชาติ ความหดหู่ และการถูกโดดเดี่ยว ในความจริง คือ ความล้มเหลวต่อความโศกเศร้าและการสูญเสียความหวังอย่างแท้จริง แต่อีกปฏิกิริยาหนึ่ง คือ การยืนหยัดต่อความโศกเศร้าและในการตีความของอัลกุรอาน หมายถึง ความอดทน ซึ่งจะสร้างโอกาสและสร้างวีรกรรมและเกิดผลลัพธ์ที่หอมหวานจากเหตุการณ์อันขมขื่น ซึ่งในกรณีนี้ ประชาชาติอิหร่านก็ได้เลือกปฏิกิริยาประการที่สอง”
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเข้าร่วมของประชาชนอย่างเต็มความหมาย ในพิธีการต่างๆ ของบรรดาชะฮีดแห่งการรับใช้ ในเมืองต่างๆ ตั้งแต่ กรุงเตหะราน เมืองมัชฮัด ทาบริซ เมืองกุม เมืองบีรญันด์ และเมืองเรย ไปจนถึงเมืองซันญาน มะรอเฆห์ และนะญัฟอาบาด เป็นตัวอย่างหนึ่งของการสร้างวีรกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของประชาชาติอิหร่านในการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์อันขมขื่นและยากลำบากในตลอดช่วงประวัติศาสตร์ของการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “วีรกรรมมนี้ แสดงให้เห็นว่า ประชาชาติอิหร่าน เป็นประชาชาติที่เต็มไปด้วยแรงจูงใจ ไม่เหนื่อยล้า มีการยืนหยัดและมีชีวิตชีวา ซึ่งไม่พ่ายแพ้จากความโศกเศร้า แต่ทว่ามีความอดทนและแรงจูงใจที่เพิ่มมากขึ้น”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การแสดงความสัมพันธ์ ความสนใจและความผูกพันธ์ของประชาชนและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศ เป็นอีกสาส์นหนึ่งที่บ่งบอกถึงการเข้าร่วมของประชาชาติหลายล้านคน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ตรงกันข้ามกับคำบอกเล่าและคำกล่าวอ้างของศัตรูและการกล่าวซ้ำซากของบางคนในประเทศที่ว่า สาธารณรัฐอิสลามได้สูญเสียทุนแห่งชาติไปแล้ว แต่การเข้าร่วมของประชาชนหลายล้านคน ในการอำลาบรรดาชะฮีด แสดงให้เห็นว่า ทุนนี้ของชาติซึ่ งไม่มีที่ใดในโลกที่เหมือนเช่นนี้ ยังคงอยู่และนอกเหนือจากประเด็นของการอสัญกรรมของท่านอิมามโคมัยนี ซึ่งเป็นประเด็นที่มีเอกลักษณ์และไม่มีผู้ใดเทียบได้กับปรากฏการณ์ต่างๆ ระหว่างประชาชนกับบรรดาเจ้าหน้าที่และนายพล เช่น ระอีซีและสุไลมานี มีความสัมพันธ์ และความผูกพันธ์ทางอารมณ์ที่โดดเด่น”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า อีกสาส์นหนึ่งในการเข้าร่วมครั้งยิ่งใหญ่ของประชาชน คือ การสนับสนุนคำขวัญของการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านกล่าวว่า “มัรฮูมระอีซี ได้อธิบายถึงคำขวัญของการปฏิวัติอิสลามอย่างเปิดเผยและเป็นศูนย์รวมของคำขวัญของการปฏิวัติอิสลาม ทั้งการให้ความเคารพและการยกย่องเขานั้น เป็นการแสดงออกถึงความผูกพันธ์ของประชาชนต่อคำขวัญของการปฏิวัติอิสลาม”
การขอบคุณของประชาชนต่อบรรดารับใช้พวกเขาและการไม่ลืมเลือนในการรับใช้ และการรักษาความนิ่งสงบและความมั่นคงของประเทศอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าจะสูญเสียประธานาธิบดี ถือเป็นอีกสาส์นหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นถึงการเข้าร่วมของประชาชนอย่างเต็มความหมาย ซึ่งผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ชี้พร้อมทั้งกล่าวว่า “การถ่ายทอดสาส์นเหล่านี้และข้อเท็จจริงจากอิหร่านและชาวอิหร่านไปยังโลก ความโดดเด่นของความพร้อมทั้งหมด การมีแรงจูงใจ ความสนใจ และการทำงานให้กับประชาชนชาวอิหร่านในสายตาของนักการเมืองและนักวิเคราะห์การเมืองของโลก มีความสำคัญอย่างมากและมีประสิทธิภาพในสมการทางการเมืองของภูมิภาค และการอธิบายอำนาจ อีกทั้งการแพร่กระจายอำนาจในภูมิภาค”
ในส่วนที่สำคัญอีกประการหนึ่งของการปาฐกถาพิเศษของอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่และเป็นปรากฏการณ์ที่เต็มไปด้วยความสำเร็จ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “หากพระเจ้าทรงประสงค์ การเลือกตั้งเหล่านี้ จะเกิดขึ้นอย่างดีและมีความยิ่งใหญ่ และหลังจากเหตุการณ์ที่ขมขื่นนี้ ประชาชนก็จะเลือกเจ้าหน้าที่คนต่อไปที่ได้รับคะแนนเสียงสูงสุด จะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สำหรับประชาชาติอิหร่าน และจะมีการสะท้อนที่ยอดเยี่ยมไปทั่วโลก ด้วยเหตุนี้เอง การเลือกตั้งในวันที่ 8 ทีร (28 มิถุนายน) จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า วีรกรรมแห่งการเลือกตั้ง เป็นการเติมเต็มวีรกรรมของประชาชนในการอำลาต่อบรรดาชะฮีด โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ประชาชาติอิหร่าน เพื่อที่จะรักษาผลประโยชน์ของตนและความลึกซึ้งเชิงกลยุทธ์ในสมการระหว่างประเทศที่ซับซ้อน และเพื่อแสดงให้เห็นว่า มีเปิดเผยถึงศักยภาพ ความสามารถทางธรรมชาติและทางมนุษย์ อีกทั้งเพื่อให้ประเทศได้ลิ้มรสถึงความหอมหวาน และนอกจากนี้ การที่จะสามารถเติมเต็มช่องว่างทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมได้นั้น จำเป็นที่จะต้องมีประธานาธิบดีที่มีความกระตือรือร้น ทำงานอย่างหนักและมีความเข้าใจและเชื่อในหลักการของการปฏิวัติอิสลาม”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นของจริยธรรมและศีลธรรมในการแข่งขันการเลือกตั้งระหว่างผู้สมัคร โดยท่านกล่าวว่า “การใส่ร้ายป้ายสี การดูหมิ่นเหยียดหยาม และการสาดโคลนใส่กัน เพื่อไม่ให้เกิดความก้าวหน้าของการงานต่างๆ อีกทั้งยังเป็นการทำลายชื่อเสียงของชาติ”
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “เวทีของการเลือกตั้ง เป็นเวทีแห่งเกียรติยศและการสร้างวีรกรรม การแข่งขันกันนั้นมีไว้สำหรับการรับใช้ประชาชน ไม่ใช่สนามแห่งการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ที่ลงสมัครแข่งขันกัน จะต้องรักษาจริยธรรมและศีลธรรม โดยถือว่า เป็นหน้าที่ของตน เพื่อที่พระเจ้า ผู้ทรงสูงส่ง จะทรงชี้นำทางหัวใจของประชาชนไปสู่ทางเลือกที่ดีที่สุด และหากพระองค์ทรงประสงค์ ประธานาธิบดีที่มีความเหมาะสม ก็จะได้รับการกำหนดจากประชาชาติอิหร่าน”
ก่อนการกล่าวปาฐกถาพิเศษของผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิดฮะซัน โคมัยนี ผู้ดูแลฮะรัมอันบริสุทธิ์ของอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ได้กล่าวอธิบายถึงสาธารณรัฐ เป็นหนึ่งในเสาหลักที่สำคัญในนโยบายทั่วไปของอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ) โดยถือว่า การเข้าร่วมของประชาชนในเวทีต่างๆ เป็นที่มาของความสิ้นหวังสำหรับศัตรู และเกี่ยวกับประเด็นปาเลสไตน์ เขากล่าวเสริมว่า “ความยิ่งใหญ่จอมปลอมของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ได้ถูกทำลายลงแล้ว และเป็นที่ชัดเจนสำหรับทุกคนว่า ระบอบเถื่อนนี้จะไม่เข้าใจอะไรเลย นอกจากภาษาที่รุนแรงเพียงเท่านั้น”
No Result
View All Result