คณะที่ปรึกษาวันนอร์ เผยเจรจา‘กลุ่มฮามาส’ เร่งช่วย 22 ตัวประกันไทย ขอคนไทยมั่นใจ ไม่โกหก หวั่นโจมตีระลอกใหม่เร็วๆนี้ เปิดแผนคุย‘อิหร่าน’ช่วยกรุยทางอำนวยความสะดวก ยันไม่ได้ข้ามหน้าข้ามตาใคร
Burapanews – นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาฯ แถลงกรณีการเจรจาช่วยเหลือตัวประกันคนไทย จากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล
นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ไปเจรจาเพื่อช่วยเหลือตัวประกันที่กลุ่มฮามาสจับตัวไป หลังจากที่นายวันมูหะมัดนอร์ได้มีหนังสือไปยังตัวแทนของกลุ่มฮามาสที่อยู่ในประเทศอิหร่าน โดยทางกลุ่มฮามาสได้ตอบรับให้ตนเดินทางไปพบในวันที่ 26 ต.ค. แต่ด้วยความรีบร้อนตนได้เดินทางไปตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. โดยตนเดินทางไป 2 คน ซึ่งเป็นคนที่ประสานงานช่วยเหลืออยู่ที่ประเทศอิหร่าน ตนถือเป็นตัวแทนของประธานสภาฯที่ให้ไปพูดคุยกับตัวแทนของฝ่ายฮามาส และตัวแทนของฝ่ายอิหร่าน
ทั้งนี้ การที่ต้องไปที่ประเทศอิหร่าน เนื่องจากอิหร่านเป็นประเทศที่มีสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทย นานนับ 300-400 ปี และผู้นำอิหร่านกับประธานสภาฯของเรามีความรู้จักคุ้นเคยกัน เนื่องจากนายวันมูหะมัดนอร์ เคยช่วยเหลือคนอิหร่านเมื่อปี 2541 ที่ถูกข้อหาคาร์บอมบ์สถานทูตอิสราเอล แต่ยังไม่ทันเกิดเหตุก็ถูกจับเสียก่อน โดยคนที่ก่อเหตุหนีเข้าทางมาเลเซีย เข้าประเทศไทยทางหาดใหญ่และถูกตำรวจไทยจับ มีการตั้งข้อกล่าวหาและต่อสู้คดีกัน ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ตัดสินประหารชีวิต และเมื่อปี 2541 อยู่ในระหว่างศาลฎีกานั้น นายวันมูหะมัดนอร์ ได้ไปที่ประเทศอิหร่านและอดีตประธานาธิบดีขณะนั้นได้พาพ่อแม่ของหนุ่มที่ถูกคดีมาร้องว่าลูกของเขาค้าขายกับมาเลเซียและเข้ามาประเทศไทย โดยไม่ได้เกี่ยวกับคาร์บอมบ์ ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ได้ให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้ความเป็นธรรมหลังจากนั้นศาลฎีกาก็ตัดสินยกฟ้อง
“ชื่อเสียงของท่านวันนอร์ในหมู่ของชาวอิหร่าน ถือว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง จึงมีผลต่อกระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มฮามาส กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าขบวนการของทั้ง 2 กลุ่มเข้มแข็งเพราะใคร นอกจากนั้นเรามีคณะทำงานที่เข้มแข็งอยู่ในอิหร่านที่สามารถประสานเข้าพบกับแกนนำกลุ่มฮามาสที่อยู่ในอิหร่านได้ ดังนั้นเราจึงพุ่งเป้าไปที่อิหร่านช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันที่มียอดถูกจับ 22 คน และด้วยความตั้งใจของประธานสภาในฐานะที่เป็นประธานรัฐสภา และตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศ ทางใดที่ท่านจะชี้แจงกับกลุ่มฮามาสได้ หรือประเทศอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลต่อฮามาสท่านยินดีที่จะให้ความร่วมมือ เพื่อที่จะให้คนไทยกลับมาโดยสวัสดิภาพ” นายอารีเพ็ญ กล่าว
นายอารีเพ็ญ กล่าวต่อว่า การไปอิหร่านครั้งนี้ในวันที่ 26 ต.ค. ตนได้เจอกับตัวแทนกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นบุคคลที่เป็นเป้าหมายของสหรัฐอมริกาในระดับต้นๆ โดยตนพูดคุยเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ซึ่งเขาเข้าใจที่เรามาในฐานะของประธานสภาฯและความรู้สึกที่เป็นมุสลิมด้วยกัน และได้ขอร้องว่าให้เขาปล่อยแรงงานคนไทยที่ถูกจับไปเป็นตัวประกัน เพราะแรงงานไทยไม่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ครั้งนี้
“ตัวแทนกลุ่มฮามาสบอกกับผมว่าช่วยบอกกับญาติพี่น้องของผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันทั้งหมดว่า คนเหล่านี้ได้รับการดูและเป็นอย่างดี และไม่เดือดร้อน แต่หากเขากำหนดวันเวลาที่จะปล่อยเขาเกรงว่า ระเบิดที่มาจากฝ่ายคู่ต่อสู้จะเกิดอันตรายกับผู้ที่ถูกปล่อยตัว เขาจึงรอจังหวะว่า เวลาใดที่เหมาะสม เขาจะทำการปล่อยทันที ซึ่งเขาให้คำสัญญา เพราะเขาอยากให้คนไทยที่อยู่กับเขาเมื่อถูกปล่อยตัวออกมา และพูดว่าฮามาสโหดร้ายจริงหรือไม่ อยู่กับเขามา 10 วัน ได้รับการกระทำอะไรบ้าง เขาอยากให้มาออกสื่อในประเทศไทย เขาจึงต้องดูแลทุกคน ซึ่งคือความปรารถนาของเขา และเขาบอกว่าเขาจะพยายามทุกวิถีทางที่ให้คนไทยทั้งหมดที่ถูกกักตัวอยู่อย่างปลอดภัย นี่คือสิ่งที่เขารับปากกับเรา” นายอารีเพ็ญ กล่าว
นายอารีเพ็ญ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นวันที่ 29 ต.ค. ตนได้พบกับคนที่มีบทบาทของอิหร่าน คือ
1.อายาตุลเลาะห์ อัคตารี ที่ปรึกษาประธานาธิบดีและประธานสมัชชาองค์กรปาเลสไตน์แห่งสำนักประธานาธิบดีอิหร่าน ซึ่งเป็นบุคคลที่เป็นที่เกรงใจของกลุ่มต่างๆที่อยู่ในอิหร่าน
2. ดร.ระมีฮียาน เลขาธิการใหญ่องค์กรช่วยเหลือประชาชาติปาเลสไตน์แห่งชาติ
3. ดร.รูวัยรอน ประธานสมาพันธ์พิทักษ์เยาวชนปาเลสไตน์และต่อต้านอิสราเอลแห่งชาติ
ทั้งนี้ บุคคลทั้ง 3 มีความสัมพันธ์กับปาเลสไตน์ โดยได้พูดคุยเป็นเวลา 3 ชั่วโมง ทั้ง 3 คนก็รับที่จะดำเนินการให้ความช่วยเหลือ เพราะท่านเข้าใจว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีคุณอนันต์ต่อมุสลิมในประเทศไทย และมีคนอิหร่านที่มาเป็นใหญ่เป็นโตในราชสำนักอยุธยาใน 400 ปีที่แล้ว ฉะนั้นเมื่อพูดคุยกันเสร็จเขาสั่งเจ้าหน้าที่ให้รีบรายงานต่อประธานาธิบดี และได้มีหนังสือไปยังบุคคลสำคัญของอิหร่าน
แต่ก็มีการถามว่าทำไมทางอิหร่านไม่ถามว่าประเทศไทยจะวางท่าทีอย่างไรเกี่ยวกับปาเลสไตน์ ซึ่งเขาตอบว่าถ้าเป็นรัฐบาลมาเขาจะถาม แต่การมาครั้งนี้ ถือว่าเป็นมิตรสหายจึงไม่ถามในประเด็นเหล่านี้ มีเพียงการให้ความร่วมมือกับเรา
นายอารีเพ็ญ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ทางรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอิหร่าน ไปที่กรุงโดฮาร์ ประเทศกาตาร์ เพื่อไปพบกับหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มฮามาส ดังนั้นตนขอบอกว่า ทุกคนที่คุยกับตนอยากให้คนไทยเข้าใจว่า พวกปาเลสไตน์เขาต่อสู้มาเป็นเวลาช้านาน เดือดร้อนมากมายโดยที่โลกไม่ให้ความสนใจ แต่พออิสราเอลโดนกระทำ โลกให้ความสนใจ แต่พวกเขาตายมาเท่าไหร่แล้ว คนที่จะเข้าละหมาดในมัสยิดที่สำคัญในศาสนาอิสลาม ก็ถูกทหารอิสราเอลไล่ต้อน ถือเป็นการเหยียดหยามกันมาเป็นเวลานาน เขายังบอกอีกว่าเหตุผลที่กั้นกำแพงระหว่างกาซากับอิสราเอล เพราะตรงนั้นของอิสราเอลเป็นพื้นที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากสหประชาชาติ มีมติให้อิสราเอลถอยออกไป แต่อิสราเอลไม่ถอยและตัวเองไม่อยู่ เพราะรู้ว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย แต่กลับไปจ้างแรงงานต่างชาติให้มาอยู่แทนและทำงานที่นั่น
“ส่วนที่มีข่าวว่ามีการทารุณกรรมคนไทย เขาบอกว่า ทางฮามาสไม่เคยทำอย่างนี้ แต่เขาบอกว่าตอนที่มีกำแพงถล่ม แล้วมีการบุกเข้าไป ไม่รู้ว่าใครเป็นใครก็อาจจะมีการยิงกัน นี่คือสิ่งที่เขาตอบผม และบอกว่าไม่ใช่การกระทำของฮามาสแน่นอน ดังนั้นการที่อิสราเอลและสหประชาชาติเอาภาพมาออกก็ชัดเจนว่าเป็นใครทำอะไรที่ไหน วิธีการกระทำ หรือโดนทุบ รวมถึงการพูดต่างๆก็ไม่ใช่ของฮามาสและยังไม่ยืนยันว่าเป็นคนไทยหรือไม่ อาจจะเป็นคนที่มีความแค้นเป็นการส่วนตัว” นายอารีเพ็ญ กล่าว
ทั้งนี้ จากการที่ตนไปสัมผัสด้วยตัวเอง ตัวแทนของเขาให้เกียรติเรา และเขาจะดูแลคนไทยที่อยู่เป็นอย่างดี จะไม่ให้เสียชีวิต เพราะคนเหล่านี้จะเป็นกระบอกเสียง เมื่อออกมาแล้วจะบอกว่าเขาอยู่ในการกักกันของฮามาสได้รับผลกระทบและเดือดร้อนอะไรบ้าง
เมื่อถามว่า จากการพูดคุยกับตัวแทนฮามาสทางกลุ่มฮามาสได้ให้พูดคุยหรือวิดีโอคอลกับแรงงานที่ถูกจับเป็นตัวประกันหรือไม่ เพื่อยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่ นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า การใช้โทรศัพท์ที่นั่น ถือเป็นอันตรายสำหรับคนที่อยู่ที่นั่น เพราะเมื่อมีการจับคลื่นได้ที่ไหน ระเบิดจะจับทันที เขาจึงไม่ได้ให้มีการพูดคุย แต่เขาบอกว่าหากตนจะเดินทางไป เขายินดีพาไป แต่ตนไม่ไปเพราะหากไปก็จะเสี่ยงอันตราย
เมื่อถามย้ำว่า อะไรที่ทำให้เรามั่นใจว่าตัวประกันยังปลอดภัยอยู่ นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า เขามายืนยันกับตน และให้บอกกับญาติพี่น้องที่อยู่ในประเทศไทยให้สบายใจ ซึ่งตนก็จะบอกกับ สส.ในพื้นที่ให้ไปบอกแทน
เมื่อถามว่า ทางกลุ่มฮามาสได้บอกกรอบกว้างๆหรือไม่ว่าจะปล่อยตัวประกันเมื่อไหร่ นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า เขาจะปล่อยตัวให้เร็วที่สุด เพราะความปลอดภัยของตัวประกันสำคัญ แต่ถ้าบอกว่าปล่อยเมื่อไหร่ ระเบิดไปทันที เพราะฉะนั้นจะไม่บอกเวลา เมื่อปล่อยออกมาแล้วเขาถึงบอก แต่คิดว่าคงไม่นานเกินรอ และคนที่ประสานงานที่ไปกับตนแล้วยังไม่กลับเราให้อยู่ประสานงานแล้วมารายงานตลอดว่าจะปล่อยตัวเมื่อไหร่ และถ้าจะปล่อยตัวก็อยากให้ปล่อยทางอิหร่านเพราะสะดวกโดยนายวันมูหะมัดนอร์ จะเดินทางไปรับเอง และจะขอบคุณผู้ใหญ่ที่อิหร่านด้วย
ทั้งนี้ เขายืนยันว่าถ้ามีความปลอดภัยพรุ่งนี้ก็ปล่อยตัวได้เลย และการที่เราเลือกไปอิหร่าน เพราะอิหร่านสนับสนุนกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และฮามาส เพราะฉะนั้นเมื่อคนที่มีบุญคุณใหญ่หลวงขออะไร ตนคิดว่าทางฮามาสไม่น่าจะปฏิเสธ จึงทำให้ตนเดินทางกลับประเทศไทยด้วยความสบายใจว่าตัวประกันอาจมีชีวิตรอดกลับมาได้
“การทำหน้าที่ครั้งนี้ไม่ได้ข้ามหน้าข้ามตาใคร แต่เป็นการช่วยเหลือตามศักยภาพ ซึ่งตนมีความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เขาพูดมีความจริง เพราะเราเป็นกลุ่มแรกที่พูดคุยกับกลุ่มฮามาสอย่างเป็นทางการ หากคนไทยได้ปล่อยตัวก็เป็นผลงานของคนไทยทั้งหมด ไม่ใช่ผลงานของคนใดคนหนึ่งซึ่งเราจะไม่ก้าวก่ายในการทำหน้าที่ของรัฐบาล เราทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนประธานรัฐสภาเท่านั้นที่ไปพูดคุยโดยตรง เมื่อเรารับอาสาที่จะช่วยเหลือคนไทยเราก็ต้องช่วยเหลือให้ดีที่สุด ส่วนการช่วยเหลือของรัฐบาลเราจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เราทำงานในส่วนของประธานรัฐสภา ส่วนรัฐบาลจะทำในแนวทางใดไม่มีปัญหา เพราะทางการสามารถพาใครเข้าไปได้ในประเทศที่เป็นพันธมิตร แต่ถ้าจะไปโดยตรงก็ต้องอาศัยประเทศซาอุฯและกาตาร์ แต่พวกผมไปพบโดยตรง”นายอารีเพ็ญ กล่าว
No Result
View All Result