สว.สหรัฐฯ ทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ยื่นญัตติต่อต้านสิทธิมนุษยชนในซาอุดีอาระเบีย

Related posts

ไบเดน ชี้ สหรัฐฯ ไม่สนับสนุนอิสราเอลโจมตีโรงงานนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้อิหร่าน

ตุลาคม 3, 2024

กระทรวงการต่างประเทศเตือน! คนไทย หากไม่จำเป็นขอให้เดินทางออกจากอิสราเอล

ตุลาคม 2, 2024

สว.สหรัฐฯ ทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ยื่นญัตติต่อต้านสิทธิมนุษยชนในซาอุดีอาระเบีย

Burapanews สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สำนักข่าวรอยเตอร์ Reuters รายงานว่า ส.ว.สหรัฐฯ จากทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน ได้ยื่นเสนอญัตติในวุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โจ ไบเดน อาจต้องเปิดเผยรายงานสถิติด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อประเมินว่าจะดำเนินนโยบายการสนับสนุนด้านความมั่นคงแก่ซาอุฯ ต่อไปอย่างไร

ญัตติดังกล่าว ถูกเสนอเข้าวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยนายคริส เมอร์ฟีย์ (Chris Murphy) สว.พรรคเดโมแครต และนายไมค์ ลี (Mike Lee) สว.พรรครีพับลิกัน ซึ่งถ้าหากญัตตินี้ได้รับความเห็นชอบและถูกบังคับใช้ รัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องเปิดเผยรายงานสถิติด้านสิทธิมนุษยชน ของประเทศพันธมิตร เพื่อนำรายงานมาพิจารณาเรื่องการให้ความช่วยด้านความมั่นคง แก่ประเทศที่เป็นพันธมิตร หากรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่จัดทำรายงานสถิติด้านสิทธิมนุษยชน ให้แก่สภาสหรัฐฯ ภายใน 30 วัน พันธมิตรประเทศนั้น ๆ จะถูกระงับการให้ความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ

นายคริส เมอร์ฟีย์ ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการต่างประเทศด้านกิจการตะวันออกกลาง ถือเป็นสว.ตัวตั้งตัวตี ที่พยายามผลักดันญัตติดังกล่าว โดยเขาอ้างว่า ภารกิจของสหรัฐฯ ในการปกป้อง “ประชาธิปไตย” ทั่วโลก ได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนประเทศ “เผด็จการ” ที่ละเมิด “สิทธิมนุษยชน” อย่างประเทศซาอุดีอาระเบีย อีกทั้งตัวของนายคริส เมอร์ฟีย์ ก็วิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ มาโดยตลอด ที่สนับสนุนซาอุฯ ในการทำสงครามอันโหดร้ายในประเทศเยเมน

ทั้งนี้ นักการเมืองสหรัฐฯ เคยเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ระงับการให้ความช่วยเหลือทุกรูปแบบแก่ซาอุฯ หลังจากที่ซาอุฯ ในฐานะประเทศสมาชิกหลักของ OPEC+ ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรเชื่อว่า การลดกำลังการผลิตน้ำมัน เป็นประโยชน์กับรัสเซียที่กำลังทำสงครามกับยูเครน

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ความเคลื่อนไหวในการตรวจสอบรายงานด้านสิทธิมนุษยชนในซาอุดีอาระเบีย โดยนักการเมืองสหรัฐฯ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังจากที่มีรายงานข่าวเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่า ซาอุฯ และอิหร่าน ตกลงที่จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ชาติ อย่างเป็นทางการ โดยมีรัฐบาลจีนเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมการเจรจารื้อฟื้นสัมพันธไมตรีที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งทาง Thailand Vision ได้รายงานข่าวการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่าง ซาอุฯ กับอิหร่าน เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา

แหล่งข่าว :

https://www.reuters.com/world/middle-east/us-senators-adopt-new-strategy-push-saudi-arabia-human-rights-2023-03-15/