ไอเอ็มเอฟ เตือน 1ใน 3 เศรษฐกิจโลกปี 2023 จะอยู่ในภาวะถดถอย เหตุ จีน สหรัฐ และยุโรป ยังไม่ฟื้นตัว
Burapanews สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า คริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวเตือนเมื่อวันที่1 มกราคม 2023 ระบุว่าเศรษฐกิจโลกราวๆ 1 ใน 3 จะเข้าสู่ภาวะถดถอย (recession) ในปี 2023 และพิษเศรษฐกิจปีนี้จะ “หนักหนาสาหัส” กว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากสหรัฐฯ สหภาพยุโรป (อียู) และจีน ซึ่งเป็น 3 ตัวจักรใหญ่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะชะลอตัว
กอร์เกียวา ให้สัมภาษณ์ในรายการ Face the Nation ทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสว่า “เราคาดว่าระบบเศรษฐกิจโลกราว 1 ใน 3 จะเข้าสู่ภาวะถดถอย… แม้แต่ประเทศที่เศรษฐกิจยังไม่ถดถอย แต่ประชากรหลายร้อยล้านคนก็จะรู้สึกเหมือนได้รับผลกระทบ”
ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2023 เมื่อเดือน ตุลาคมโดยพิจารณาจากปัจจัยลบ เช่น สงครามในยูเครน และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกต่างพยายามที่จะควบคุมราคาสินค้าไม่ให้พุ่งสูง
อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญก็คือการจีนยกเลิกนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” และหันมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง ในขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศพุ่งสูงขึ้นอย่างไร้การควบคุม
ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ ระบุอีกว่า จีนซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกจะเผชิญ “จุดเริ่มต้นที่ยากลำบาก” ในปีนี้ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2022 จะ “เท่ากับ” หรือ “ต่ำกว่า” การเติบโตของเศรษฐกิจโลก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี
กอร์เกียวา ยังกล่าวเตือนด้วยว่า ผลพวงจากสถานการณ์โควิด-19 ในจีนที่อาจลุกลามเป็น “ไฟป่า” ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า จะยิ่งมีส่วนซ้ำเติมและฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับภูมิภาคและทั่วโลก
“ช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้จะเป็นเวลาที่ยากลำบากสำหรับจีน” เธอกล่าว
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Purchasing Managers Index : PMI) ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนการขยายตัวหรือหดตัวในภาคการผลิตและบริการประจำเดือน ธ.ค. แสดงให้เห็นว่า กิจกรรมการผลิตของจีนหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และลดลงด้วยอัตราเร็วสุดในรอบเกือบ 3 ปี เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ขณะที่ข้อมูลจาก China Index Academy ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์อิสระของจีน พบว่าในเดือนเดียวกันราคาที่พักอาศัยใน 100 เมืองของจีนปรับตัวลดลงอีกเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน
ในส่วนของสหรัฐฯ กอร์เกียวา มองว่า ระบบเศรษฐกิจยังมีความแข็งแกร่งและพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดี (resilient) จึงมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงสภาวะถดถอยที่จะเกิดขึ้นกับประเทศต่างๆ ราว 1 ใน 3 ของโลกได้
อ้างอิง :