ไบเดนพบสีจิ้นผิงที่บาหลี ลั่น จะไม่เกิดสงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

Related posts

ไบเดน ชี้ สหรัฐฯ ไม่สนับสนุนอิสราเอลโจมตีโรงงานนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้อิหร่าน

ตุลาคม 3, 2024

กระทรวงการต่างประเทศเตือน! คนไทย หากไม่จำเป็นขอให้เดินทางออกจากอิสราเอล

ตุลาคม 2, 2024

ไบเดนพบสีจิ้นผิงที่บาหลี ลั่น จะไม่เกิดสงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

Burapanews สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวเน้นย้ำในการแถลงข่าว หลังพูดคุยกับนายสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ว่า จะไม่มีสงครามเย็นเกิดขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา ได้พบปะกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนแล้วในเวลาประมาณ 17.30 น. ของวันที่14 พฤศจิกายน ตามเวลาของเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยนับเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองผู้นำได้พบปะกันแบบตัวต่อตัว หลังจากที่ไบเดนรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ มาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี

เป็นที่น่าสังเกตว่าภาพที่ออกมาจากสื่อต่างประเทศในวันนี้ ทั้งไบเดนและสีจิ้นผิงไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโควิด ในขณะที่เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในห้องประชุมต่างสวมหน้ากากทั้งหมด

ในช่วงเริ่มต้นการสนทนานั้น ไบเดนกล่าวว่า เขาพร้อมที่จะเปิดช่องทางการสื่อสารเป็นการส่วนตัวระหว่างตัวเขาเองและสีจิ้นผิง เพราะมองว่าทั้งสองชาติมีหลายประเด็นที่จะต้องหารือตกลงกัน พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ และจีนจะสามารถจัดการกับความแตกต่างได้ รวมถึงจะสามารถป้องกันไม่ให้การแข่งขันระหว่างกันนำไปสู่การสร้างความขัดแย้ง และแสวงหาหนทางในการประสานความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในระดับโลก

ด้านสีจิ้นผิง กล่าวว่า ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ อยู่ในสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายกำลังให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะไม่ใช่สถานการณ์ที่จะสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนของทั้งสองชาติ รวมถึงไม่ใช่สิ่งที่ประชาคมโลกคาดหวังไว้ พร้อมเสริมว่า ทั้งสองชาติจำเป็นต้องค้นหาทิศทางที่ถูกต้องเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้า และยกระดับความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น

“ประชาคมโลกคาดหวังว่าจีนและสหรัฐฯ จะสามารถรับมือกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้อย่างเหมาะสม การประชุมของเราวันนี้ดึงดูดความสนใจจากคนทั่วโลก ดังนั้นเราควรประสานความร่วมมือกับทุกประเทศ เพื่อสร้างความหวังให้กับสันติภาพของโลก สร้างความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพของโลก และสร้างแรงกระตุ้นที่แข็งแกร่งเพื่อการพัฒนาร่วมกัน” ผู้นำจีนกล่าว


การพูดคุยครั้งนี้คาดว่าจะใช้เวลาอย่างต่ำ 2 ชั่วโมงด้วยกัน โดยสื่อคาดการณ์ว่าในวันนี้สองผู้นำจะหารือกันในหลากหลายประเด็น ทั้งปัญหาไต้หวัน สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ