ลุงป้อม ลงใต้ ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนา จังหวัดชายแดนใต้ เร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชนชาวใต้ ร่วมหารือภาคธุรกิจดึงพลังคนรุ่นใหม่ฟื้นหาดใหญ่
Burapanews รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางลงพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ (กพต.) และตรวจติดตามการส่งเสริมเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาปากท้องและความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ จชต. พร้อมทั้งร่วมหารือฟื้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวหาดใหญ่
โดยก่อนการประชุม พลเอก ประวิตร ได้ติดตามความคืบหน้าการส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ การแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำและพัฒนาคนในทุกช่วงวัย รวมทั้งการส่งเสริมคนดีตามหลักทางศาสนา เพื่อศึกษาและรักษาสังคมพหุวัฒนธรรมที่ดีงาม ผ่านการรายงานของหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ ณ รร.คริสตัล หาดใหญ่
ต่อจากนั้น ได้ร่วมประชุม กพต. มีผู้ว่าราชการ 5 จว.และผู้แทน รมว.กระทรวงต่างๆร่วมประชุม โดยรับทราบผลงานที่สำคัญ ประกอบด้วย การขับเคลื่อนสนามบินเบตงให้เปิดบริการเชิงพาณิชย์ ซึ่งตั้งแต่เปิดบริการ มีผู้โดยสารเดินทางกว่า 2,500 ราย รายได้สุทธิ 7.1 ล้านบาท ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นต่อประชาชน สถานการณ์การค้า การท่องเที่ยวและการบริการทุกด้านในพื้นที่ อ.เบตง มีทิศทางดีขึ้นตามลำดับ รวมทั้งธุรกิจภาคขนส่งและนำเที่ยว มีการพัฒนายกระดับเป็นมาตรฐานมากขึ้นเช่นกัน
ด้านดัชนีความเชื่อมั่น จชต.ไตรมาส 1 ภาพรวม พบยังอยู่ในช่วงเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานของรัฐในมิติต่างๆทั้ง 3 ด้าน ประกอบด้วย ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคม โดยประชาชนยังมีความกังวลต่อค่าครองชีพที่สูงขึ้น และมีทัศนคติเชิงบวกและเชื่อมั่นว่าสถานการณ์จะปรับตัวดีขึ้นในอนาคต
พร้อมร่วมพิจารณาและเห็นชอบ กรอบข้อเสนอโครงการส่งเสริมและพัฒนาการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้านการบริหารและการพัฒนา จชต. ปี 65 – 66 ที่เชื่อมโยงพัฒนาศักยภาพและยกระดับด่านศุลกากรชายแดน ไทย – มาเลเซีย ทั้ง 9 ด่าน แบบบริการเบ็ดเสร็จ และนำระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์มาใช้เต็มระบบ มุ่งสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเชื่อมต่อไปยังเกษตรฐานรากของประชาชนที่เป็นรูปธรรม
และเห็นชอบ ขับเคลื่อนกิจกรรมโคบาลชายแดนใต้ ขยายฐานการผลิตโคในพื้นที่ จชต. โดยมีวิสาหกิจชุมชนครบวงจร ตั้งเป้าหมายโคไทยในหมู่บ้าน 1,000 แห่ง เกษตรกร 10,000 ราย ครอบคลุม 5 จว. ( เฉลี่ย จว.ละ 200 หมู่บ้าน ) ภายใน 5 ปี (65-69 ) เพื่อยกระดับรายได้กับเศรษฐกิจฐานราก รองรับการกำหนดพื้นที่ จชต.เป็น “ ระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล ”
รวมทั้งเห็นชอบ แนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวหาดใหญ่ ระยะ 6 ปี ( 65 – 70 ) ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด – 19 ที่หน่วยงานภาคธุรกิจ ภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษาและภาคประชาชนร่วมกันจัดทำ ที่ให้ความสำคัญ การฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการบริการ การส่งเสริมการค้าการลงทุนในพื้นที่ รวมทั้งผลักดันเมืองหาดใหญ่สู่เมืองอัจฉริยะ ที่มุ่งใช้พลังคนรุ่นใหม่ขับเคลื่อนยกระดับพัฒนาเมือง โดยส่งเสริมความร่วมมือทุกภาคส่วน
พลเอก ประวิตร กล่าวขอบคุณ ทท. กต. พณ. ศอบต. จว.ยะลา เทศบาลเบตงและภาคเอกชน ที่ผนึกกำลังร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาเบตง เป็นที่รู้จักระดับโลก พร้อมกำชับ ขอให้รับฟังและวิเคราะห์ความต้องการประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันเร่งผลักดันโครงการต่างๆให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะให้เร่งลงไปช่วยแก้ปัญหาและช่วยเหลือด้านการลดภาระค่าครองชีพ การมีงานทำ และดูแลรายได้และสินค้าเกษตรในพื้นที่ รวมทั้ง เร่งดำเนินการนำเรือประมงออกนอกระบบให้เสร็จ ภายใน ก.ค.
ขณะเดียวกัน ขอให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ การเปิดโอกาสให้เด็กเยาวชนเข้าถึงการเรียนรู้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะการส่งเสริมทักษะการใช้ภาษาไทย ควบคู่กับภาษามลายูท้องถิ่นใต้ รวมทั้งการดูแลด้านสุขสภาวะของเด็กปฐมวัย ที่มีปัญหาโภชนาการ ส่งผลร่างกายมีภาวะผอมเตี้ยไม่สมบูรณ์ และให้โอกาสเด็กเยาวชนได้ทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น
พร้อมย้ำ กพต.เสมือน “ครม.ภาคใต้” โดยตนจะลงประชุมในพื้นที่มากขึ้น และ ขอให้ กพต. โดยเฉพาะ รมว.และหัวหน้าส่วนราชการ ที่เป็นกรรมการให้ความสำคัญเข้าประชุมด้วยตนเอง เพื่อร่วมแก้ตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานโดยเร็ว
และบ่ายวันเดียวกัน พลเอก ประวิตร จะร่วมหารือกับกลุ่มภาคธุรกิจ เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และพบปะผู้นำทุกศาสนาและประชาชนในพื้นที่
No Result
View All Result