บทความวิเคราะห์ ระบอบการปกครองซาอุฯ ที่สัมพันธ์กับอิสลาม
เมื่อมีนาคม ปี2018 มกุฎราชกุมารมุฮัมมัด บิน ซัลมาน (Mohammed bin Salman) แห่งซาอุดีอาระเบีย เยือนทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันสนับสนุนมกุฎราชกุมารหลังประสบความสำเร็จในการกระชับอำนาจ กล่าวว่า “บัดนี้พระองค์เป็นมากกว่ามกุฎราชกุมารแล้ว” แม้ทรงเป็นมกุฎราชกุมารแต่พูดกันหนาหูว่าพระองค์คือผู้บริหารประเทศซาอุดีอาระเบียตัวจริง
บทความนี้สรุประบอบการปกครองซาอุฯ ที่สัมพันธ์กับอิสลามตามคำกล่าวของมกุฎราชกุมารซัลมาน ดังนี้
ภายใต้การปกครองโดยกษัตริย์:
ในการสัมภาษณ์เมื่อต้นเดือนมีนา.2022 มกุฎราชกุมารซัลมานกล่าวว่า ซาอุฯ ปกครองด้วยกษัตริย์ ภายใต้ระบอบนี้มีโครงสร้างชนเผ่าและคนเมืองที่ซับซ้อน มีชนเผ่าต่างๆ หลายพันกลุ่ม เฉพาะสมาชิกราชวงศ์มีกว่า 5 พันคน พระองค์ได้รับการคัดเลือกจากคนเหล่านี้ให้ทำหน้าที่ดูแลราชวงศ์ ให้ชนเผ่าต่างๆ อยู่ร่วมกัน ทำงานด้วยกัน หากตนเปลี่ยนระบอบนี้เท่ากับทรยศต่อคนเหล่านี้ทั้งหมด ในขณะเดียวกันคนเหล่านี้คือผู้กำลังเปลี่ยนแปลงประเทศทีละน้อย กษัตริย์จึงมีหน้าที่ปฏิบัติตามความต้องการของคนในราชวงศ์ทั้งมวล หน้าที่กษัตริย์กับมกุฎราชกุมารคือทำงานอย่างว่องไวและให้ไวยิ่งขึ้น เปิดโอกาสแก่เป้าหมายใหม่ๆ ตลอดเวลา
ถ้าคุณเป็นชาวต่างชาติไม่ใช่มุสลิม คำสอนอิสลามไม่ผูกพันกับคุณ ดังนั้นชาวต่างชาติผู้อาศัยหรือเข้าซาอุฯ มีสิทธิ์ทำทุกอย่างที่ต้องการ ปฏิบัติตามศรัทธาความเชื่อศาสนาของตนได้เต็มที่ภายใต้กฎหมายตามแนวทางเดียวกับที่ทำในสมัยศาสดาตามคำสอนและกฎหมายอิสลาม ผู้นำโลกอิสลามคือ “wali al-`amr” (ผู้ปกครอง) ดังนั้นผู้นำสูงสุดไม่ใช่มุฟตี (Mufti) ผู้ประกาศฟัตวาสุดท้ายคือกษัตริย์ (ตัดสินชี้ขาดในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นถกเถียง) มุฟตีกับคณะฟัตวา (Fatwa Board) เป็นที่ปรึกษากษัตริย์ ทั้งนี้ทุกคนแสดงความคิดเห็นโต้แย้งได้ กษัตริย์ต้องตัดสินโดยรับฟังความเห็นรอบด้านก่อน
ซาอุฯ พัฒนาประเทศตามแนวทางของตน ผสมผสานวัฒนธรรมความเป็นซาอุฯ เข้าด้วยกัน เป็นตัวของตัวเอง ไม่คิดเป็นเหมือนใคร แน่นอนว่าไม่สมบูรณ์แต่ทุกชาติไม่สมบูรณ์แบบ ชาติประชาธิปไตยก็ไม่สมบูรณ์แบบ ซาอุฯ ตั้งอยู่บนรากฐานศาสนาอิสลาม วัฒนธรรมชนเผ่า วัฒนธรรมอาหรับ หากละทิ้งสิ่งเหล่านี้เท่ากับประเทศล่มสลาย นโยบายซาอุฯ เคารพการปกครองอื่นๆ เป็นสิทธิที่จะเลือกระบบการปกครอง และหวังว่าประเทศอื่นๆ จะเคารพซาอุฯ ด้วย
ซาอุฯ พยายามสัมพันธ์ดีกับนานาชาติ ร่วมมือกับสหรัฐหลายด้าน ซาอุฯ ลงทุนในอเมริกากว่า 800,000 ล้านดอลลาร์ มีชาวอเมริกันในประเทศกว่า 3 แสนคน ซาอุฯ ลงทุนในจีนไม่ถึง 100,000 ล้านดอลลาร์และกำลังเพิ่มขึ้น
เป็นผู้นำชาติอาหรับ ผู้นำมุสลิม:
นานมาแล้วที่ทางการซาอุฯ ประกาศตนเองว่าเป็นผู้นำของกลุ่มประเทศในภูมิภาคตะวันออกลาง เป็นผู้ปกป้องผลประโยชน์ของโลกอาหรับ นับจากปี 1986 เป็นต้นมา กษัตริย์ซาอุฯ จะเรียกตนว่า “ผู้พิทักษ์แห่งสองมัสยิดศักดิ์สิทธิ์” (Custodian of the Two Holy Mosques) ชี้บทบาทของพระองค์ในฐานะผู้นำมุสลิม และไม่ใช่ผู้นำมุสลิมซาอุฯ เท่านั้นแต่เป็นผู้นำมุสลิมโลก
มกุฎราชกุมารซัลมานย้ำว่า จุดยืนที่ทิ้งไม่ได้คือบทบาทต่อสองมัสยิดศักดิ์สิทธิ์ เพื่อชาวซาอุฯ ทั้งมวล เพื่อภูมิภาคและโลกที่ตั้งอยู่บนศรัทธา สันติภาพและการอยู่ร่วมกัน สำหรับตนไม่มีคำว่าอิสลามสายกลาง (moderate Islam) เพราะใครก็เปลี่ยนอิสลามไม่ได้ ต้องปฏิบัติตามคำสอนที่ถูกต้อง เป็นคำสอนที่อยู่ร่วมกับพวกนับถือคริสต์กับยิว อิสลามสอนให้เคารพทุกวัฒนธรรม ทุกศาสนา และเป็นเช่นนี้ในสมัยท่านศาสดา แต่พวกสุดโต่งบิดเบือนคำสอน พยายามเผยแพร่คำสอนผิดๆ นำสู่การสร้างกลุ่มก่อการร้ายสุดโต่งทั้งในฝ่ายซุนนีและชีอะห์
คำว่าอิสลามสายกลาง (moderate Islam) ใช้ในความหมายต่อต้านความสุดโต่ง เช่น ต่อต้านแนวทางของไอซิส (ISIS หรือ Islamic State in Iraq and Syria) หรือ IS ในช่วงนั้นโลกมุสลิมมีทั้งพวกที่สนับสนุนกับพวกที่ต่อต้าน IS มุสลิมที่ต่อต้านความสุดโต่งบางกลุ่มประกาศเน้นหลักวะสะฏียะฮ์ (wasatiyyah – คำภาษาอังกฤษคือ Moderation) หมายถึงความพอเหมาะ ไม่สุดโต่ง ชี้ว่าความสุดโต่งไม่ใช่อิสลาม
บทความโดย ชาญชัย คุ้มปัญญา คอลัมนิสต์ สถานการณ์โลก
No Result
View All Result