คะแนนนิยม ไบเดน ตกฮวบหลังทำงานมา 1 ปี
Burapanews สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ช่วงเดือนนี้เพิ่งเป็นโอกาสครบรอบการทำงาน 1 ปี ของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีคนที่ 46 ของประเทศได้ระบุในตอนเข้าสาบานตนรับตำแหน่งว่าตนได้รับ “ชัยชนะไม่ใช่ในฐานะผู้เข้าแข่งขัน แต่เกิดจากสาเหตุหนึ่ง คือสาเหตุของความเป็นประชาธิปไตย”
ไบเดนขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีท่ามกลางความขัดแย้งขั้วตรงข้ามของสหรัฐฯ ที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยการสาบานตนของไบเดนเกิดขึ้นหลังจากเหตุจลาจลในรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564/2021 จากความพยายามในการขัดขวางการรับรองไบเดนเป็นประธานาธิบดีของคณะเลือกตั้ง จากมวลชนผู้สนับสนุน โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี
คะแนนความนิยมของไบเดนในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีแรกของสมัยแรกนั้นมีอยู่ที่ 56% จากผลสำรวจของ RealClearPolitics และการชนะการเลือกตั้งจากคะแนนเสียงที่ชาวสหรัฐฯ เข้าคูหากาเลือกไบเดนเข้ามารับตำแหน่งกว่า 80 ล้านคะแนนเสียง ซึ่งนับเป็นคะแนนเสียงจากประชาชนที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี คะแนนนิยมในปัจจุบันของไบเดนนั้นตกต่ำลงไปอยู่ที่ 42% ในขณะที่มีคะแนนความไม่พึงพอใจต่อผลงานของไบเดนที่พุ่งสูงขึ้นจาก 35% ไปเป็น 52% โดยสำนักข่าว BBC ระบุว่า คะแนนนิยมของไบเดนเริ่มตกต่ำลงตั้งแต่ช่วง ส.ค. 2564 หลังสหรัฐฯ ถอนกองกำลังของตนเองออกจากอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของคะแนนความไม่พอใจต่อผลงานของไบเดนพุ่งสูงจนขึ้นมาเทียบเท่ากับคะแนนความพึงพอใจในผลงานของเขา
คะแนนความนิยมของไบเดนตกต่ำลงไปกว่าเดิมอีก หลังจากการะบาดของโควิด-19 กลับมาพุ่งสูงขึ้น ผิดไปจากคำสัญญาของเขาที่เคยให้ไว้ว่าจะทำการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และฟื้นความมั่งคั่งให้แก่ชนชั้นกลางชาวสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี คะแนนนิยมในปีแรกของไบเดนยังดูดีกว่าทรัมป์มากในอัตรา 45% ก่อนการสาบานตน จนตกลงมาที่ 35% หลังจากการทำงานมา 1 ปีของทรัมป์
เมื่อเปรียบเทียบคะแนนนิยมของไบเดนกับอีกสองอดีตประธานาธิบดีแล้วพบว่า บารัก โอบามา มีคะแนนนิยมเริ่มที่ 70% ก่อนตกลงเหลือ 50% หลังจากการทำงานมา 1 ปี ต่างจาก จอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่มีคะแนนนิยมเริ่มต้นที่ 60% ก่อนจะพุ่งสูงขึ้นไปถึง 90% ภายหลังเหตุการณ์วินาศกรรม 11 ก.ย. 2544
นโยบายของไบเดนที่ผ่านมายังคงให้ความสำคัญไปที่การควบคุมการระบาดของโควิด-19 ผ่านการเน้นการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยปัจจุบันนี้ มีประชาชนสหรัฐฯ ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 1 โดส 75% ในขณะที่มีประชาชนได้รับการฉีดครบโดสแล้ว 63% ทั้งนี้ ตลอดการระบาดของเชื้อโอไมครอน ไบเดนได้จัดการฉีดวัคซีนเข้มกระตุ้นไปแล้วกว่า 80 ล้านโดส อย่างไรก็ดี การระบาดของเชื้อเดลตาและโอไมครอนที่เกิดขึ้นทำให้แผนการฟื้นฟูสหรัฐฯ จากโควิด-19 ถูกยืดเวลาออกไป
ในขณะที่นโยบายด้านเศรษฐกิจนั้น ไบเดนสามารถทำให้อัตราการว่างงานลดน้อยลงได้ และทำให้มีผู้มีงานทำเพิ่มขึ้นกว่า 6.4 ล้านตำแหน่ง และตลาดหุ้นมีการปรับตัวในแนวโน้มบวก อย่างไรก็ดี จากการเพิ่มเงินเข้าไปในระบบทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จำนวนมาก สืบเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้สหรัฐฯ กำลังพบกับภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มมากขึ้นประมาณ 7% ซึ่งเป็นอัตราเงินเฟ้อที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบหลายทศวรรษของสหรัฐฯ
ที่มา