แถลงการณ์ของสถานทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านประจำประเทศไทย เกี่ยวกับมาตรการตอบโต้ของอิหร่านต่อระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์
Burapanews สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำกรุงเทพฯ ออกแถลงการณ์ผ่านหน้าเพจ เฟซบุ๊ก IR Iran Embassy in Bangkok Thailand เกี่ยวกับมาตรการตอบโต้ของอิหร่านต่อระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ ระบุว่า
ด้วยพระนามของพระเจ้า ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
แถลงการณ์เรื่องการใช้สิทธิโดยชอบธรรมในการป้องกันตนเองของอิหร่าน ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ เพื่อตอบสนองต่อการโจมตีทางทหารที่เกิดขึ้นหลายครั้งของรัฐบาลอิสราเอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการโจมตีด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2024 ต่อสถานที่ทางการทูตของอิหร่าน ในสาธารณรัฐอาหรับซีเรีย
1- หลังจากหกเดือนติดต่อกันจากการอดทนอดกลั้นของตนเองและความอดทนเชิงกลยุทธ์ในการเผชิญหน้ากับความตึงเครียด ความหวาดกลัวอย่างไร้เหตุผล และความโหดร้ายของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ต่ออิหร่าน ปฏิบัติการทางทหารที่ได้สัดส่วนและเหมาะสมโดยสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านต่อฐานทัพทหารบางแห่งในแผ่นดินปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง ด้วยสิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ตามมาตรา 51 ของกฎบัตรแห่งสหประชาชาติ และเพื่อตอบโต้จากการโจมตีด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ของอิสราเอลต่อสถานที่ทางการทูตของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในเมืองดามัสกัส สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตของที่ปรึกษาระดับสูงทางทหารทั้งเจ็ดนาย ซึ่งพำนักอยู่ที่นั่น ตามคำเชิญอย่างเป็นทางการของรัฐบาลซีเรีย เพื่อให้ความช่วยเหลือซีเรียในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิส และกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ที่ยังปรากฏอยู่ในซีเรีย โดยปฏิบัติการตอบโต้อิสราเอลเริ่มเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2024
2- การโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้งของอิสราเอล ส่งผลให้ที่ปรึกษาทางทหารชาวอิหร่านที่ประจำการอยู่ในซีเรียถูกสังหารเสียชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการโจมตีด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ต่อสถานที่ทางการทูตของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2024 ถือเป็นการละเมิดกฎบัตรแห่งสหประชาชาติและอนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอนุสัญญากรุงเวียนนาที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต 1961 และอนุสัญญานครนิวยอร์กที่ว่าด้วยการป้องกันและลงโทษอาชญากรรมต่อบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองระหว่างประเทศ 1973 รวมถึงตัวแทนทางการทูต และต้องเผชิญกับการตอบโต้และการประณามโดยทันทีจากนานาประเทศและองค์กรระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก
3- หลังจากการโจมตีด้วยอาวุธยุทโธปกณ์ต่อสถานทูตของเราในกรุงดามัสกัส การดำเนินการทางการทูตและระหว่างประเทศในระดับหนึ่ง รวมถึงจดหมายถึงเลขาธิการสหประชาชาติและประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้ถูกดำเนินการ และมีการร้องขอให้มีการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคง เนื่องจากผลที่ตามมาของการประณามการโจมตีอิสราเอลอย่างกว้างขวางโดยประชาคมระหว่างประเทศส่วนใหญ่และองค์กรระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก
4- อย่างไรก็ตาม ช่างน่าเสียใจที่การกระทำของสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงจำนวนจำกัด รวมถึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส นั้นไม่เหมาะสมกับการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศโดยระบอบรัฐเถื่อนไซออนนิสต์ และการกระทำดังกล่าวขัดแย้งกับคำแถลงประณามของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ดังนั้น จึงถือว่า คณะมนตรีดังกล่าวล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่จากการรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ
5- การเกิดสองมาตรฐานและแนวทางสนับสนุนระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ดังกล่าว ไม่มีผลทางกฎหมาย และโดยธรรมชาติแล้ว การอนุญาตให้ระบอบอิสราเอลดำเนินการสังหารหมู่ประชาชนชาวปาเลสไตน์ที่ไม่มีทางป้องกันต่อไป และการกระทำที่ประมาทเลินเล่อและความป่าเถื่อนในภูมิภาค จะส่งผลให้เกิดการแพร่ขยายของสงครามและความขัดแย้งในภูมิภาค
6- สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นต่อวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรแห่งสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ ยืนยันความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการปกป้องประชาชน อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน ความมั่นคงของชาติ และผลประโยชน์จากการใช้อำนาจที่ผิดกฎหมาย
7- การใช้มาตรการป้องกันในการดำเนินการ ตามสิทธิในการป้องกันที่ชอบด้วยกฎหมายของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่มีความรับผิดชอบต่อสันติภาพและความมั่นคงระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ในช่วงเวลาของการกระทำที่ผิดกฎหมายและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างต่อเนื่องของการแบ่งแยกสีผิวและการยึดครองระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ต่อประชาชาติปาเลสไตน์ การรุกรานอย่างต่อเนื่องต่อประเทศเพื่อนบ้านและการใช้นโยบายที่อ้างเพื่อสร้างความสงบสุขในภูมิภาคและพื้นที่อื่นๆ
8- การปฏิบัติการทางทหารของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน หลังจากการอดทนอดกลั้นของตนเองและความอดทนเชิงกลยุทธ์ที่ติดต่อกันถึงหกครั้ง เป็นเพียงการขัดขวางการกระทำที่ผิดกฎหมายและการก่อการร้ายของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ต่อประชาชนของตนเอง การดำเนินการทางทหารเชิงป้องกันดังกล่าว ถือเป็นการดำเนินการอย่างชาญฉลาด มุ่งเน้นวัตถุประสงค์ และความแม่นยำ เพื่อป้องกันความไม่มั่นคงในภูมิภาค และไม่ได้พุ่งเป้าไปที่พลเรือนหรือโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนแต่อย่างใด
9- สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน อยู่ในจุดยืนอย่างเป็นทางการและการปฏิสัมพันธ์ทางการทูตอย่างต่อเนื่อง โดยประกาศว่า จะไม่แสวงหาการลุกลามหรือความขัดแย้งในภูมิภาค และได้พิสูจน์ถึงจุดยืนของตนในการกระทำโดยผ่านการยับยั้งชั่งใจตนเอง ในขณะเดียวกัน การอดทนอดกลั้นใจไม่ได้มีอยู่ตลอดไป เพราะความต่อเนื่องของมัน จึงส่งผลให้เกิดการคำนวณที่ผิดโดยระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์
10- แน่นอนว่า ต้นตอของความขัดแย้งที่ดำเนินต่อไปในภูมิภาคเอเชียตะวันตก คือ การรุกราน ความโหดร้าย และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อพลเรือน โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็กๆ ในฉนวนกาซ่าโดยรัฐเถื่อนระบอบไซออนิสต์ และกุญแจที่สำคัญในการลดความรุนแรงของความขัดแย้งนี้ คือ การยุติสงครามนี้และความโหดร้ายของระบอบการปกครองที่มีต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าและเวสต์แบงก์โดยทันที และศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ยังได้เรียกร้องให้มีการแก้ไขสถานการณ์อีกด้วย
11-ในกรณีที่เกี่ยวกับสิทธิโดยชอบธรรมและด้วยกฎหมายของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ในการตอบสนองต่อการก่ออาชญากรรมของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในกรุงดามัสกัส เราไม่ได้ต้องการขยายขอบเขตของสงครามในภูมิภาค และความคาดหวังให้ประเทศอื่นๆ ในการกระทำของพวกเขาที่จะกระทำเช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันความขัดแย้งที่ลุกลามปานปลาย ด้วยการหยุดยั้งเครื่องจักรสังหารของไซออนิสต์ต่อชาวปาเลสไตน์ที่ไม่มีทางป้องกัน และหยุดการละเมิดและการท้าทายกฎระเบียบระหว่างประเทศของระบอบรัฐเถื่อนอิสราเอล เหล่าชาติตะวันตก ผู้สนับสนุนต่อระบอบอิสราเอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา แทนที่จะเข้าข้างระบอบการปกครองนี้ ควรจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อป้องกันการกระทำอันโหดร้ายนี้
12- ดังนั้น หากระบอบผู้รุกราน อิสราเอลและพันธมิตรชาติตะวันตก หันไปใช้วิธีการที่ไร้เหตุผลแบบใหม่และปฏิบัติการที่เสี่ยงภัยต่ออิหร่าน การตอบสนองเชิงรับของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน จะถือเป็นจุดเด็ดขาดอย่างที่ไม่ต้องสงสัย จากนั้น ระบอบอิสราเอลและพันธมิตร จะต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมาของการกระทำที่เป็นอันตรายที่อาจเกิดขึ้นดังกล่าว
13- สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน จะไม่ลังเลใจที่จะใช้มาตรการป้องกันที่จำเป็นเพิ่มเติม เพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติและผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายจากการกระทำที่เป็นการรุกรานทางทหารหรือการใช้กำลังโดยผิดกฎหมาย การขยายขอบเขตของความขัดแย้ง สงคราม และความไม่มั่นคงนั้น ไม่เป็นผลดีต่อผู้ใดเลย ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์อันตรายในภูมิภาคและยุติการสังหารหมู่ในฉนวนกาซ่า จึงจำเป็นที่จะหยุดยั้งความโหดร้ายของระบอบไซออนิสต์
14. ระบอบไซออนิสต์ มีประวัติที่น่าอับอายเกี่ยวกับการรุกราน การยึดครอง การสู้รบ การก่อการร้ายในทุกรูปแบบและการก่ออาชญากรรมระหว่างประเทศต่อมนุษยชาติ และการใช้กำลังอย่างผิดกฎหมายต่อพลเมืองชาวอิหร่านและสถานที่ทางการทูต ความโหดร้ายของพวกเหล่านี้ ถือเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงและเป็นอันตรายต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ
15- เนื่องจากความไร้ประสิทธิภาพของสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงที่ถือว่า ระบอบการปกครองอันธพาลนี้ จะต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากหันไปใช้สิทธิโดยชอบธรรมในการป้องกันตัวเอง เพื่อตอบสนองต่อความโหดร้ายของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์
16- ทันที หลังจากใช้มาตรการป้องกันในการใช้สิทธิในการป้องกันตนเองจากการโจมตีด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์และการรุกรานของระบอบไซออนิสต์ สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้ส่งข้อความที่ชัดเจนถึงรัฐบาลสหรัฐฯ ผ่านทางสถานทูตสวิสเซอร์แลนด์ในกรุงเตหะราน ซึ่งเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาในอิหร่าน ข้อความระบุว่า การตอบสนองของอิหร่านอาจจะรุนแรงกว่านี้ แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงของภูมิภาคและเพื่อป้องกันการบานปลาย การตอบสนองจึงถูกพิจารณาให้อยู่ในระดับที่ต่ำสุด
17- วัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อลงโทษระบอบไซออนิสต์และการป้องกันการกระทำซ้ำซากของความโหดร้ายและการก่ออาชญากรรม ในกรณีที่มีการกระทำที่น่ารังเกียจต่อสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านหรือการโจมตีด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ต่อประเทศของเรา เราจะไม่ลังเลที่จะปกป้องและดำเนินการตอบโต้อย่างเข้มแข็ง ดังนั้น หากสหรัฐฯ สนับสนุนความเงียบสงบของภูมิภาคอย่างแท้จริง ก็ควรป้องกันไม่ให้ระบอบไซออนิสต์ลุกลามบานปลายอีกต่อไป เป็นที่ชัดเจนสำหรับเราว่า ระบอบไซออนิสต์กำลังดำเนินการอย่างลึกซึ้งเพื่อให้สหรัฐฯ เข้ามามีส่วนร่วมในสงครามที่ขยายวงกว้างและยืดเยื้อในภูมิภาคนี้ ดังนั้น เราขอแนะนำสหรัฐฯ ไม่ให้ตกหลุมพรางด้วยกลยุทธ์ที่เป็นอันตรายเช่นนี้
18- มาตรการที่สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ดำเนินการเป็นเพียงสิทธิในระดับที่ต่ำกว่าในการตอบโต้ต่อความโหดร้ายที่หลากหลายที่ก่อโดยระบอบไซออนิสต์ การไกล่เกลี่ยและปฏิสัมพันธ์ทางการทูต จะส่งผลให้มีการยับยั้งชั่งใจตนเองอย่างสูงสุดและการตอบโต้ทางทหารตามสัดส่วน
19- ขั้นตอนที่สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้ดำเนินการ จึงถือเป็นข้อสรุป แต่หากระบอบไซออนิสต์ยังคงยั่วยุทางทหารต่อไป การตอบสนองต่อการรุกรานดังกล่าวจะรุนแรงและเด็ดขาดมากยิ่งขึ้นตามกฎหมายระหว่างประเทศ
สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำกรุงเทพฯ
No Result
View All Result