โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ชี้ การประชุมสันติภาพโลกกรณียูเครน หากไม่มีรัสเซียเข้าร่วมต้องล้มเหลวแน่นอน

Related posts

ไบเดน ชี้ สหรัฐฯ ไม่สนับสนุนอิสราเอลโจมตีโรงงานนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้อิหร่าน

ตุลาคม 3, 2024

กระทรวงการต่างประเทศเตือน! คนไทย หากไม่จำเป็นขอให้เดินทางออกจากอิสราเอล

ตุลาคม 2, 2024

โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ชี้ การประชุมสันติภาพโลกกรณียูเครน หากไม่มีรัสเซียเข้าร่วมต้องล้มเหลวแน่นอน

Burapanews สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียกล่าวในการสัมภาษณ์ที่มีการพิมพ์เผยแพร่ ว่า การจัดประชุมสุดยอดสันติภาพโลกเกี่ยวกับยูเครน หากไม่มีรัสเซียเข้าร่วม ถือว่า ไร้สาระ และจะล้มเหลวอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ นายเปสคอฟยังแจ้งกับสำนักข่าว Argumenty I Fakty ว่า รัสเซียยังคงเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารในยูเครนต่อไป เพื่อปกป้องตนเองจากชาติตะวันตก

“ปัญหายูเครนสามารถแก้ไขได้หรือไม่หากรัสเซียไม่มีส่วนร่วม คำตอบนั้นชัดเจนว่าไม่ได้” นายเปสคอฟกล่าวในการสัมภาษณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (21 มี.ค.) ซึ่งเป็นหนึ่งวันก่อนเกิดเหตุกราดยิงครั้งใหญ่ที่ฮอลล์คอนเสิร์ตชานกรุงมอสโก

“นั่นเพราะยูเครนกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มชาติตะวันตก ซึ่งวางแผนจะใช้ยูเครนเพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซีย ควบคุมรัสเซีย และผลักไสให้ออกไปอยู่ชายขอบของการพัฒนา และหากตะวันตกทำสำเร็จ พวกเขาก็วางแผนจะกำจัดรัสเซียให้สิ้นซาก” นายเปสคอฟกล่าวเสริม

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ได้เรียกร้องให้มีการจัดประชุมสุดยอดสันติภาพระหว่างประเทศ โดยก่อนหน้านี้ ทางสวิตเซอร์แลนด์ได้ประกาศว่าจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ โดยวันที่และรายละเอียดการหารือต่าง ๆ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา

ในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประณามว่าแผนสันติภาพของยูเครนนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ โดยแผนดังกล่าวเรียกร้องให้กองทัพรัสเซียถอนกำลังออกจากยูเครน และคืนดินแดนที่ยึดครองทั้งหมดกลับคืนให้ยูเครนตามพรมแดนที่ประกาศไว้เมื่อปี 2534 ซึ่งรวมถึงแหลมไครเมียที่รัสเซียยึดและผนวกดินแดนไปเมื่อปี 2557

นายเปสคอฟย้ำว่าแผนนี้เป็นสิ่งที่รัสเซียไม่อาจยอมรับได้ พร้อมประณามแผนการที่สหภาพยุโรปและชาติอื่น ๆ หารือกันเพื่อเอาผลกำไรจากสินทรัพย์ของรัสเซียไปมอบให้ยูเครน

“ผมเชื่อว่าชาติยุโรปทั้งหลายเข้าใจดีว่าเราจะโต้แย้งการตัดสินใจดังกล่าวอย่างถึงที่สุด เรื่องนี้อาจไม่ใช่ปัญหาที่จะจบลงภายในปีเดียว แต่อาจยืดเยื่อไปนานหลายทศวรรษ” นายเปสคอฟกล่าว