ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ย้ำ ความล้มเหลวของอิสราเอลในฉนวนกาซา คือ ความล้มเหลวของสหรัฐอเมริกา ด้วยเหมือนกัน
Burapanews – สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ประชาชนชาวจังหวัดคูซิสตานและเคอร์มาน หลายพันคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำถือว่า การเลือกตั้งในวันที่ 11 เดือนเอสฟันด์ (1 มีนาคม) มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เป็นตัวกำหนด และเป็นพื้นฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลง และท่านยังได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของรัฐสภาอิสลามในการแก้ไขปัญหาต่างๆที่มีอยู่และการกำหนดทิศทางของประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “ประชาชาติจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งอย่างดีที่สุด หมายถึง ด้วยกับ 4 ลักษณะพิเศษ คือ การเข้าร่วมอย่างเข้มแข็งและความกระตือรือร้น การแข่งขันที่แท้จริงของฝ่ายการเมืองต่างๆ ขณะที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน มีความปลอดภัยอย่างแท้จริง และความมั่นคงที่สมบูรณ์”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ให้เห็นถึงสถานภาพที่สำคัญของการเลือกตั้งของสภาผู้ชำนาญการ และที่เกี่ยวกับรัฐสภา อีกทั้งสถานภาพของรัฐสภา โดยท่านกล่าวว่า “รัฐสภา จะเป็นการวางเส้นทางอนาคตของประเทศ ตามครรลองของรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศยังจะต้องมีกฎหมายที่เหมาะสมและต้องการให้รัฐสภาเข้าร่วมอย่างรอบคอบ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ในการอธิบายถึงความสำคัญของหลักการและตรรกะของการเลือกตั้งในสาธารณรัฐอิสลาม โดยท่านกล่าวว่า “ทั้งสาธารณรัฐและระบอบอิสลามนั้นต้องขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งทั้งสิ้น เพราะว่าไม่มีทางอื่นใดที่จะเกิดประชาธิปไตยและอธิปไตยของประชาชนในการบริหารประเทศได้มากไปกว่าการเลือกตั้ง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงผลของการเลือกตั้งในการเกิดขึ้นของระบอบอิสลาม โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ด้วยการเลือกตั้ง ซึ่งวะลียุลฟะกีฮ์ จะถูกกำหนดโดยผ่านตัวแทนที่ได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชนในสภาผู้ชำนาญการ นอกจากนี้ สมาชิกรัฐสภา ยังจะต้องมีการอนุมัติกฎหมายตามกฏเกณฑ์และคำสอนของศาสนาอิสลามอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การไม่มีการเลือกตั้ง จะเป็นสาเหตุให้เกิดระบอบเผด็จการ หรือความโกลาหล ความไม่มั่นคงและความปั่นป่วน และท่านยังได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์เหล่าผู้ที่สร้างความท้อใจแก่ประชาชนไม่ให้เข้าร่วมในการเลือกตั้งในรูปแบบต่างๆ โดยท่านกล่าวว่า “การเลือกตั้ง เป็นหนทางที่ถูกต้องและเป็นความจริงเพียงเท่านั้นที่จะสามารถนำอธิปไตยของชาติไปสู่ประชาชน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเข้าร่วมอย่างเข้มแข็ง เป็นการสร้างปาฏิหาริย์ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การจัดการเลือกตั้งที่ยิ่งใหญ่ด้วยการเข้าร่วมของประชาชนอย่างกระตือรือร้น จะนำมาซึ่งความเป็นเอกภาพของชาติ และความเป็นเอกภาพของชาติ รวมทั้งการเข้าร่วมอย่างเข้มแข็งของประชาชนในภาคสนาม จะนำมาซึ่งอำนาจของชาติ และอำนาจของชาติ จะนำมาซึ่งความมั่นคง และความมั่นคงก็เช่นเดียวกัน จะเป็นรากฐานของความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และความก้าวหน้าจะสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ และการแก้ไขปัญหาต่างๆทางเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเลือกตั้ง เป็นพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลง โดยท่านกล่าวว่า “บางคนนั้นเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง แต่พวกเขายังถือว่า การเลือกตั้ง เป็นเสมือนบทนำของการเปลี่ยนแปลง พวกเขาจึงไม่มีความรักและความห่วงใยแต่อย่างใด”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวกับเจ้าของความคิดเห็นทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน โดยท่านกล่าวว่า “หากพวกท่านต้องการที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อประโยชน์ในมุมมองของพวกท่าน วิธีการนั้นก็คือ การให้ผู้ที่เห็นด้วยกับพวกท่านได้เข้ามาร่วมทำงานกัน และปัญหานี้จะกระทำได้โดยเกิดขึ้นจากการเลือกตั้งเพียงเท่านั้น”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เรียกร้องให้บรรดาผู้ฟังในสังคมทั้งหมด รวมถึงบรรดานักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย องค์การสื่อสารมวลชน และการสื่อสารมวลชน เชิญชวนประชาชนให้เข้าร่วมในการเลือกตั้ง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “บรรดาเยาวชนและสมาชิกในครอบครัว ควรที่จะสนับสนุนให้ผู้ฟังของตนด้วยการเชิญชวนให้เข้ามาสู่การเลือกตั้งด้วยความกระตือรือร้น”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า การมีเข้าร่วมที่อ่อนแอ จะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐสภาที่อ่อนแอและไร้ความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างเต็มที่ โดยท่านเน้นย้ำว่า “การแก้ไขปัญหาต่างๆ จะต้องอาศัยการเข้าร่วมที่เข้มแข็งและการสร้างรัฐสภาที่เข้มแข็ง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวอธิบายถึงองค์ประกอบที่สองของการจัดการเลือกตั้งอย่างกระตือรือร้น หมายถึง มีการแข่งขันทางการเมืองกันอย่างแท้จริง โดยท่านกล่าวว่า “จะต้องเปิดกว้างสำหรับการเข้าร่วมของกลุ่มฝ่ายการเมืองและแนวโน้มทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมต่างๆ ในภาคสนามของการแข่งขันการเลือกตั้งครั้งใหญ่ เพื่อที่จะให้มุมมองต่างๆของทุกคนนั้นเกิดขึ้นในสนามนี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การแข่งขันของบรรดาเยาวชนกับผู้ที่มีประสบการณ์สำหรับการเข้าสู่รัฐสภา เป็นการแข่งขันกันอีกประเภทหนึ่ง โดยท่านกล่าวว่า “แน่นอนว่า รัฐสภาที่ดีและเข้มแข็ง ควรที่จะมีทั้งผู้แทนทั้งที่เป็นเยาวชนและผู้แทนที่มีประสบการณ์ร่วมอยู่ด้วยกัน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “การแข่งขันกัน หมายความว่า ทุกคนสามารถที่จะมีโฆษณาได้ แน่นอนว่า การโฆษณานั้นแตกต่างจากการโกหก การใส่ร้าย และการให้สัญญาเท็จ การโฆษณา จึงหมายถึง การอธิบายความคิดเห็นต่อผู้คนที่ควบคู่ไปกับจริยธรรมและการเคร่งครัดศาสนา”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การทำให้ประชาชนรู้สึกท้อใจจากการเลือกตั้ง เป็นสิ่งที่ผิดและเป็นผลเสียต่อประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “บางคนคอยเน้นย้ำถึงปัญหาต่างๆของประเทศจนเกิดความท้อใจแก่ประชาชนอยู่เสมอ แม้ว่า การแก้ปัญหาต่างๆคือการเลือกตั้งก็ตาม แต่สำหรับการแก้ปัญหาต่างๆ จะต้องเข้าร่วมในการเลือกตั้ง”
อีกส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านได้กล่าวถึงประเด็นระหว่างประเทศและประเด็นอิสลามในกรณีฉนวนกาซา โดยท่านกล่าวว่า “เหตุการณ์นี้ มีลักษณะเฉพาะในสองด้านด้วยกัน ทั้งจากฝั่งของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ เพราะว่ายังไม่เคยเห็นมาก่อน ในความโหดร้าย การก่ออาชญากรรม ความกระหายเลือด การเข่นฆ่าเด็กทารก ความอาฆาตพยาบาท ความชั่วร้าย ความไร้ซึ่งความเมตตา และการทิ้งระเบิดเข้าใส่ศีรษะของผู้ป่วยและโรงพยาบาล และอีกฟากหนึ่งมาจากฝ่ายประชาชาชนและนักต่อสู้ชาวปาเลสไตน์ เพราะว่า เนื่องด้วยการมีความอดทน การยืนหยัดต่อต้าน และการทำให้ศัตรูเกิดอาการบ้าคลั่ง ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังตั้งข้อสังเกตว่า “ถึงแม้ว่าน้ำ อาหาร ยา และเชื้อเพลิง จะไปไม่ถึงผู้คนเหล่านี้ แต่พวกเขาก็ยืนหยัดเหมือนดั่งภูเขา ซึ่งการไม่ยอมแพ้ของพวกเขา จะทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะ เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงสถิตอยู่กับผู้อดทนอดกลั้น ดังที่ได้เห็นในปัจจุบันนี้ถึงสัญญาณแห่งชัยชนะ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การไร้ความสามารถของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ แม้ว่าจะมีอาวุธยุทโธปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายก็ตาม เป็นอีกหนึ่งแง่มุมที่สำคัญของการเผชิญหน้านี้ที่ไม่เสมอเหมือนผู้ใด โดยท่านผู้นำอธิบายถึงประเด็นหลัก กล่าวว่า “ความล้มเหลวของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในเหตุการณ์นี้ คือ ความล้มเหลวของสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน และในปัจจุบันนี้ ไม่มีใครในโลกเห็นถึงความแตกต่างระหว่างระบอบรัฐเถื่อนที่ยึดครองกับสหรัฐอเมริกาและอังกฤษได้ และทุกคนก็ทราบดีว่า พวกเหล่านี้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การยับยั้งมติต่างๆ ของคณะมนตรีความมั่นคงในการหยุดยิงและการยุติการทิ้งระเบิด เป็นการกระทำที่ไร้ยางอายของรัฐบาลอเมริกา และการสมรู้ร่วมคิดกับระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในการทิ้งระเบิดเข้าใส่เด็ก ผู้หญิง คนชรา คนป่วย และผู้คนที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ชัยชนะอันยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นกับประชาชาติปาเลสไตน์และฝ่ายสัจธรรมและขบวนการยืนหยัดต่อต้าน การทำลายเกียรติและชื่อเสียงของพวกชาติตะวันตกและอเมริกา และการเปิดเผยธาตุแท้ของการเรียกร้องสิทธิมนุษยชนอันเป็นเท็จทั้งหมดของพวกเขา เพราะว่า อิสราเอลไม่สามารถก่ออาชญากรรมได้มากมายขนาดนี้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา และในปัจจุบันนี้ ภาพลักษณ์อันน่ารังเกียจของอสูรกายร้ายของสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ก็ถูกเปิดเผยให้ผู้คนทั้งโลกเห็นแล้วและในกรณีนี้ อัตลักษณ์ของทำเนียบขาวได้ถูกเปิดเผยออกมาและรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาและอังกฤษก็ถูกเปิดเผยอีกด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า หน้าที่ของรัฐบาลและประชาชาติต่างๆ ในการช่วยเหลือต่อขบวนการยืนหยัดต่อต้านในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ โดยท่านเน้นย้ำว่า “การช่วยเหลือต่อขบวนการยืนหยัดต่อต้าน เป็นหน้าที่ของทุกคน และการช่วยเหลือต่อระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ ถือเป็นการก่ออาชญากรรมและการทรยศทั้งสิ้น”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี รู้สึกความเสียใจต่อความช่วยเหลือของรัฐบาลประเทศอิสลามบางประเทศที่มีต่อระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในการก่ออาชญากรรม โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ประชาชาติมุสลิมทั้งหลาย จะต้องไม่ลืมปัญหานี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การป้องกันเพื่อไม่ให้สินค้า น้ำมันและเชื้อเพลิงเข้าถึงรัฐเถื่อนไซออนิสต์ ซึ่งพวกเหล่านี้แม้แต่น้ำก็ปิดกั้นไม่ให้เข้าถึงประชาชนในฉนวนกาซา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ประชาชาติมุสลิมทั้งหลาย ควรที่จะเรียกร้องให้รัฐบาลของพวกเขาตัดความสัมพันธ์และความช่วยเหลือใดๆ แก่อาชญากรไซออนิสต์ หรือหากพวกเขาไม่สามารถตัดความสัมพันธ์ได้อย่างถาวร อย่างน้อยที่สุด ก็สร้างแรงกดดันต่อระบอบรัฐเถื่อนที่ชั่วร้าย กดขี่ และมีความกระหายเลือด ด้วยการตัดความสัมพันธ์กับพวกเหล่านี้แบบชั่วคราว”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบันนี้ มโนธรรมของโลกได้รับความเสียหายเจ็บปวดอย่างมาก ผู้คนในอเมริกาและยุโรปก็ออกมาเดินขบวนตามท้องถนน และบุคคลสำคัญทางการเมืองบางคน อธิการบดีของมหาวิทยาลัยและนักวิทยาศาสตร์ของพวกเขา ก็กำลังประท้วงรัฐบาลของพวกเขาที่ให้การสนับสนุนระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม รัฐบาลบางแห่งยังคงให้การช่วยเหลือต่อระบอบรัฐเถื่อนที่โหดร้ายนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี เน้นย้ำว่า “ด้วยความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า ฝ่ายสัจธรรมจะต้องได้รับชัยชนะอย่างที่ไม่ต้องสงสัยเลย และระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ที่ยึดครองจะถูกกำจัดให้หมดสิ้นไป และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พวกท่าน เยาวชนทั้งหลาย จะได้เห็นอนาคตนี้อย่างแน่นอนด้วยสายตาของพวกท่านเอง”
ในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านได้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่คนรุ่นใหม่ของจังหวัดคูซิสตานและเคอร์มาน และผู้คนทั้งประเทศ จะต้องตระหนักถึงเกียรติยศทางประวัติศาสตร์ของประชาชาติและมรดกอันทรงคุณค่าของอิหร่าน โดยท่านกล่าวว่า “จังหวัดคูซิสตาน เป็นผู้ถือธงชัยและเป็นศูนย์กลางที่สำคัญที่สุดของประเทศในการต่อต้านพวกต่างชาติมานานกว่าหนึ่งศตวรรษ ซึ่งพวกเขาได้ยืนหยัดต่อต้านการรุกรานของทหารอังกฤษในช่วงหลายปี หลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและการเข้าร่วมอย่างกระตือรือร้นในการทำให้อุตสาหกรรมน้ำมันเป็นของชาติ จึงถือเป็นกรณีต่างๆที่สำคัญของการต่อต้านนี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เน้นย้ำว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การปกป้องกลุ่มชาติพันธุ์อาหรับและชาติพันธ์ที่ไม่ใช่อาหรับทั้งหมด โลร บัคติยารี และกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ จากการรุกรานของซัดดัม และทำให้การคำนวณของเขาพบกับความผิดพลาดที่เกี่ยวกับการต้อนรับผู้คนที่พูดภาษาอาหรับในคูซิสตานจากการเผชิญหน้ากับเหล่าผู้รุกรานนั้น ถือเป็นความภาคภูมิใจอันเป็นนิจนิรันดร์”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ดินแดนคูซิสตานอันบริสุทธิ์ เป็นสถานที่ซึ่งเลือดของเยาวชนที่ดีที่สุดของทุกจังหวัดได้หลั่งไหลออกมา โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “จังหวัดคูซิสตาน เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีและความเป็นปึกแผ่นของประชาชาติทั้งหมดในการปกป้องอิสลาม การปฏิวัติ และอิหร่าน และเป็นการสำแดงลักษณะอันโดดเด่นของประชาชาติอิหร่าน”
นอกจากนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามยังได้เชิดชูเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้งของประชาชนชาวจังหวัดเคอร์มาน การอบรมชนชั้นสูงทางปัญญา ความสูงส่งทางด้านจริยธรรมและศีลธรรม ความปลอดภัยทางความคิด ความศรัทธาที่ซื่อสัตย์ และการบุกเบิกในการเข้าร่วมกับขบวนการอิสลาม คือ ลักษณะพิเศษของประชาชนในจังหวัดนี้ โดยท่านกล่าวว่า “ลักษณะเหล่านี้ได้เป็นพื้นฐานสำหรับการเกิดขึ้นของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ เฉกเช่น ฮัจญ์กอเซม สุไลมานี”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ลักษณะของประชาชนชาวจังหวัดคูซิสตานและเคอร์มาน เป็นสิ่งที่สร้างความภาคภูมิใจสำหรับเยาวชนของจังหวัดนี้และทั้งประเทศ โดยท่านเน้นย้ำว่า “เราจะต้องใช้ประโยชน์จากมรดกทางประวัติศาสตร์และรุ่นต่อรุ่น เพื่อที่จะชดเชยข้อบกพร่องและความล้าหลังที่มีอยู่ การสร้างอิหร่าน และการพิสูจน์ถึงศักยภาพของอิสลามในการบริหารประเทศ”
ที่มา