บทวิเคราะห์- จุดเริ่มต้นความขัดแย้งและความต่อเนื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน
บทความโดย… ญะมาล ปาทาน ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลาง
ผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่มองว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครนครั้งนี้ สามารถที่จะป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ ก่อนที่รัสเซียจะโจมตียูเครนด้วยกองกำลังทางทหาร ก็มีความหวังมากมายว่า วงล้อทางการทูต จะเคลื่อนไหวเพื่อป้องกันการเกิดขึ้นของสงคราม แต่ทว่าอเมริกากลับไม่พยายามที่จะลดระดับความตึงเครียดและวิกฤตต่างๆ ในอีกด้านหนึ่ง การดำเนินการและแถลงการณ์ที่ยั่วยุของนายโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน และในทางกลับกัน ยังถือเป็นการปูทางสู่การโจมตีทางทหารรัสเซียต่อยูเครนอย่างง่ายดายอีกด้วย
จากการให้สัมภาษณ์ของนายเซเลนสกี กับ วอชิงตันโพสต์ ที่ผ่านมา เป็นที่ชัดเจนว่า ช่างน่าเสียดายที่เขาไม่มีความคิดที่ถูกต้องและการคาดการณ์ว่าจะเกิดการโจมตีทางทหารของรัสเซีย แต่ก็ไม่คาดว่าจะเกิดการโจมตีเช่นนี้
ทุกคนยังคงจำได้ว่าในช่วงไม่กี่เดือน ก่อนเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ในขณะที่สื่อของอเมริกาและตะวันตกเผยแพร่รายงานอยู่ทุกวันเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมทางทหารของรัสเซียสำหรับการปฏิบัติการต่อยูเครน และแม้แต่เจ้าหน้าที่ของอเมริกาเองก็ยังเตือนยูเครนเกี่ยวกับความแน่นอนของการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย แต่เหล่าผู้นำและเจ้าหน้าที่ของยูเครนต่างมีความสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการโจมตีทางทหารของรัสเซีย ขณะที่อเมริกากลับถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่เผยแพร่รายงานทางสื่อดังกล่าว!
ผู้สื่อข่าวของวอชิงตันโพสต์ ได้ถามเซเลนสกีเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า ทำไมคุณไม่กระทำอะไรเลยในขณะที่นายวิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐอเมริกา (CIA) บอกคุณเมื่อเดือนมกราคม 2022 ที่กรุงเคียฟว่า พวกทหารรัสเซียจะลงจอดที่สนามบินฮอสตอแมล (Hostomel) และคุณก็ไม่ได้กระทำการอะไรเลย จนกระทั่งเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
นายเซเลนสกี ยังตอบคำถามของผู้สื่อข่าววอชิงตันโพสต์ ในการสัมภาษณ์ข้างต้น ซึ่งถามว่า คุณเห็นด้วยเป็นการส่วนตัวหรือไม่ว่า สงครามเต็มรูปแบบกำลังจะเกิดขึ้น? เขาตอบว่า ไม่มีใครเชื่อว่าจะเกิดขึ้นเช่นนี้
ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ นายเซเลนสกี กล่าวว่า เขารู้สึกว่ารัสเซียกำลังพยายามยอมจำนนต่อยูเครนอย่างนุ่มนวล ไม่ใช่เริ่มก่อสงครามทางทหาร!
ขณะที่ผู้คนส่วนมากในโลก ยังคงเชื่อว่า จะเป็นการดีว่าสำหรับรัฐบาลยูเครนและนายเซเลนสกีที่จะไม่กระทำการหรือพูดยั่วยุต่อรัสเซียเพื่อป้องกันการเกิดขึ้นของสงคราม ขณะที่นายปูตินให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม (ประมาณสองเดือนก่อนการโจมตียูเครน) กล่าวว่า ความทรงจำในความสัมพันธ์ของเรากับประธานาธิบดียูชเชนโก(อดีตประธานาธิบดียูเครน)หรือนายกรัฐมนตรีตือมอแชนกอ(อดีตนายกรัฐมนตรียูเครน)ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ซึ่งเหมือนกับผู้นำคนปัจจุบันของยูเครนที่กำหนดทิศทางของพวกชาติตะวันตกอย่างสมบูรณ์ เราเคยร่วมทำงานกับพวกเขา ใช่แล้ว เราได้หารือกับพวกเขาเกี่ยวกับน้ำมันและมีข้อพิพาทอยู่บ้าง แต่สุดท้ายเราก็ตกลงกันในทุกเรื่องและพร้อมที่จะทำงานต่อไป และเราไม่ได้คำนึงถึงการดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวกับแคว้นไครเมียเสียด้วยซ้ำ
ช่างน่าเสียดายที่นายเซเลนสกี อยู่ในช่วงการข่มขู่คุกคามทางทหารของรัสเซียที่มีต่อยูเครน ในขณะที่เขาไม่รับประกันว่า ยูเครนจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้ และสหภาพยุโรป และในขณะที่ความฝันที่ยูเครนจะเข้าร่วมกับสององค์กรของพวกตะวันตกก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าภาพลวงตา พฤติกรรมและคำพูดที่ยั่วยุของเขา แสร้งทำเป็นพยายามเข้าร่วมกับนาโต้ต่อไป และพูดอย่างเปิดเผยว่า การตัดสินใจดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย! ข้อผิดพลาดเชิงกลยุทธ์อย่างหนึ่งของนายเซเลนสกี ก็คือ ความคิดที่ว่า ยูเครนนั้นมีความมั่นคงและการยึดมั่นทางทหารต่อนาโต้ จะเป็นเหตุให้มีการเสริมความแข็งแกร่งในการยับยั้งประเทศนี้ต่อการโจมตีทางทหารของรัสเซีย! หรือเขาจินตนาการว่าในกรณีที่รัสเซียโจมตียูเครน เหล่าสมาชิกของนาโต้จะทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและความมั่นคงของตนเพื่อป้องกันไม่ให้รัสเซียรุกคืบทางทหาร?! การกระทำของยูเครนในการหันหลังให้กับข้อตกลงกรุงมินสก์ปี 2015 และการยืนกรานของรัฐบาลยูเครนต่อยุทธศาสตร์ที่จะให้ยูเครนที่เข้าร่วมกับนาโต้ในรัฐธรรมนูญใหม่ของประเทศ
ขณะที่ตามทัศนคติของรัสเซียถือเป็นการประกาศทำสงครามกับรัสเซีย ดังที่นายปูตินเปิดเผยในการสัมภาษณ์ข้างต้นว่า การดำเนินการตามข้อตกลงกรุงมินสก์ ถือเป็นเพียงวิธีการเดียวในการแก้ปัญหาต่างๆ แต่ทว่า ผู้นำของยูเครน กลับยึดเอาอีกวิธีการหนึ่ง
เป้าหมายของพวกเขา คือ การสร้างฐานทัพในการต่อต้านรัสเซีย ฐานทัพที่มีการขนย้ายอาวุธสมัยใหม่ไปที่นั่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รัสเซียต้องมีความระมัดระวังอยู่เสมอ และกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นั่น และมีระบบอาวุธใหม่ใดบ้างที่จะติดตั้ง? รัสเซียควรจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร? ทำไมรัสเซียต้องระวังเสมอเมื่อจะถูกโจมตีจากยูเครน? ฉะนั้น รัสเซียจึงกล่าวว่า นาโต้ ไม่ควรขยายไปทางทิศตะวันออกอีกต่อไป
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รายละเอียดทั้งหมดของการเริ่มต้นสงคราม จะได้รับการตัดสินอย่างรอบคอบและพิถีพิถันในวันนี้และในอนาคต และตามคำกล่าวของนายเซเลนสกี ในการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว โดยปล่อยให้ผู้คนหารือกันในอนาคตว่า การตัดสินใจของเราก่อนเริ่มสงครามนั้นถูกต้องหรือไม่?อย่างไรก็ตาม เราต้องตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงสงคราม หรือแม้แต่ในขณะนี้ นายเซเลนสกีก็ไม่มีความคิดที่ถูกต้องเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่มากมายเกี่ยวกับสงครามในปัจจุบันและยังคงหมกมุ่นอยู่กับการตัดสินใจที่ผิดพลาด
จนถึงจุดหนึ่งที่นายเซเลนสกี คิดจริงๆ ว่า นาโต้ จะสร้างเขตห้ามบินเหนือยูเครน! หรือว่าเขาคิดว่า นาโต้ จะเต็มใจที่จะเผชิญหน้ากับรัสเซียในยูเครนเพื่อแย่งชิงสิทธิของยูเครน!
เมื่อเร็วๆ นี้ กองทัพรัสเซียถอนตัวออกจากเมืองเคอร์ซอนด้วยความสมัครใจ การพูดคุยกันระหว่างนาย วิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการซีไอเอ และเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของรัสเซีย ในตุรกี และนายวิลเลียม เบิร์นส์กำลังพูดคุยหารือกับเซเลนสกีในกรุงเคียฟ โดยนายเซเลนสกีต้องตระหนักว่า แม้ว่าเขาจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับชาวรัสเซียได้ แต่ประเทศของเขาก็ได้รับความเดือดร้อนมากกว่ารัสเซีย เนื่องจากสงครามครั้งนี้และความเสียหายที่แก้ไขไม่ได้ และตรงกันข้ามกับจินตนาการของเขา ยุโรปและนาโต้ ไม่เพียงแต่ไม่เต็มใจที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายมากขึ้นสำหรับสงครามนี้ แต่เป็นไปได้ว่า ยุโรปจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและการประท้วงต่อต้านยูเครนของประชาชน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นายเซเลนสกีและชาวยูเครน เข้าใจดีมาจนถึงตอนนี้ว่า พวกเขาคำนวณมากเกินไปกับพวกตะวันตกและนาโต้ แต่หากพวกเขาให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของประเทศอื่น ๆ ในโลกมากขึ้น พวกเขาก็จะตระหนักว่า อเมริกาและชาติตะวันตก ตราบใดที่ผลประโยชน์อยู่เบื้องหน้า พวกเหล่านี้ก็จะยอมให้เหล่าพันธมิตรและมิตรสหายของตนตกเป็นเหยื่อทันที! หากนายเซเลนสกีเชื่อว่า เขาและประเทศของเขาเป็นแนวหน้าในการปกป้องค่านิยมตะวันตกจากอสูรรัสเซีย เขาควรระวังว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นในสายตาของพวกอเมริกาและยุโรป ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ และข้อเท็จจริงเหล่านี้จะมีขอบเขตมากน้อยเพียงใดที่สอดคล้องกับจินตนาการของเขา?
การยอมรับของประชาคมระหว่างประเทศต่อการถอนตัวของรัสเซียออกจากเมืองเคอร์ซอน (Kherson)เพียงฝ่ายเดียว ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในสงครามรัสเซีย-ยูเครน เพราะการประมาณการในโลก ระบุว่า สงครามครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ของมนุษยชาติและจุดจบที่เลวร้ายสำหรับพวกเขา ด้วยเหตุนี้เอง คาดว่า ประธานาธิบดียูเครนจะมีทัศนคติที่ยอมรับความจริงทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้มีการหยุดยิงทันทีในยูเครน
สุดท้ายนี้ ผมต้องขอเน้นย้ำว่า การที่สงครามนี้ยังคงดำเนินต่อไป จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับพวกสหรัฐอเมริกา เพราะในขณะเดียวกัน ยูเครนและเหล่าพันธมิตรในยุโรปกำลังจะพบกับความอ่อนแอลง และรัสเซีย ซึ่งเป็นคู่แข่งของอเมริกา ก็เช่นเดียวกัน