ประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ และมนุษยธรรม หน้ากากอาชญากรรมของสหรัฐฯ (ตอนที่ 1)
Burapanews สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า การเดินทางผ่านประวัติศาสตร์ทำให้เรารับรู้ได้ว่า สหรัฐอเมริกาพยายามอย่างยิ่งเพื่อบรรลุถึงเป้าหมายอันนำมาซึ่งความมั่งคั่งในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาโดยตลอด และด้วยกับเป้าหมายนี้ สหรัฐฯ จึงไม่ลังเลที่จะก่ออาชญากรรมใดๆ นโยบาย Machiavellian (นโยบาย การใช้เล่ห์เหลี่ยมอุบายทางการเมือง) ของสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกที่มีต่อประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกนั้นดำเนินไปพร้อมกับคำขวัญด้าน “มนุษยธรรมและประชาธิปไตย” แต่ภายใต้หน้ากากของสิทธิมนุษยชน เสรีภาพ ความมั่นคงของมนุษย์ และ… พวกเขาได้บันทึกอาชญากรรมที่ชั่วร้ายไว้ในประวัติศาสตร์ ของประเทศต่างๆ ในโลก
ต่อไปนี้คืออาชญากรรมที่สำคัญที่สุดที่ก่อขึ้นโดยสหรัฐอเมริกาในช่วงชีวิตทางการเมือง
1. การสังหารหมู่และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอินเดียนพื้นเมืองอเมริกัน 100 ล้านคน
การสังหารหมู่ชาวอินเดียนแดงเป็นอาชญากรรมระยะยาวครั้งใหญ่ที่เริ่มขึ้นหลังจากการค้นพบทวีปอเมริกาโดยลูกเรือชาวสเปนในศตวรรษที่ 16 การสังหารหมู่เหล่านี้ส่วนใหญ่ดำเนินการโดยมหาอำนาจอาณานิคมของยุโรป โดยเฉพาะสเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร เพื่อครอบงำส่วนต่าง ๆ ของทวีปอเมริกาและเพื่อแสวงหาทรัพย์สินของชนพื้นเมืองอเมริกัน ต่อมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 ชาวอเมริกันมีบทบาทสำคัญในการสังหารหมู่ชาวอินเดียนแดงในอเมริกาเหนือผ่านการบังคับอพยพและสงครามที่ตามมา
สงครามอเมริกันเริ่มต้นด้วยการโจมตีอินเดียนแดงครั้งแรกในเจมส์ทาวน์ในปี ค.ศ. 1662 ซึ่งตามมาด้วยสงครามกับพวก the Algonquins redskins (อัลกอนควินส์ อินเดียนแดง)ในปี ค.ศ. 1635 และ 1636 และสงครามในปี ค.ศ. 1675 และ 1676 ซึ่งส่งผลให้ครึ่งหนึ่งของเมืองแมสซาชูเซตส์ถูกทำลาย สงครามและการโจมตีอินเดียนแดงอื่นๆ ของอเมริกายังคงดำเนินต่อไปจนถึงปี ค.ศ. 1900 โดยรวมแล้ว ชาวอเมริกันได้สังหารชาวอินเดียนพื้นเมืองอเมริกันประมาณ 100 ล้านคน
2. อาชญากรรมสงครามของสหรัฐอเมริกาในการทิ้งระเบิดโจมตีเมือง “เดรสเดน”
เมื่อพิจารณาถึงการที่ฝ่ายสัมพันธมิตรได้รับชัยชนะในสงครามแล้ว ไม่มีอาชญากรสงครามของสหรัฐรายใดในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถูกฟ้องร้องโดยศาล แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าอาชญากรรมเหล่านี้จะไม่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
The Americans shot all the Waffen SS Germans they had been captured in Dachau in 1945.
กองทหารอเมริกันในเยอรมนีขัดขวางเชลยศึกชาวเยอรมันทั้งทางตรงและทางอ้อม ตลอดจนพลเรือนที่อยู่ในพื้นที่ภายใต้การควบคุมไม่ให้ได้รับอาหารที่เพียงพอซึ่งทำให้ชาวเยอรมันหลายพันคนอดอยากจนตาย
เช่นกัน ทหารอเมริกันได้ยิง กองกำลังทหารของเยอรมันทั้งหมดที่พวกเขาถูกจับในค่าย Dachau ในปี ค.ศ. 1945
กองกำลังของกองทหารราบที่ 45 ของกองทัพสหรัฐฯ ได้สังหารเชลยศึกชาวอิตาลี 75 คนในพระราชวังบิสคารี (Biscari)
การทิ้งระเบิดใน เดรสเดน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เครื่องบินทิ้งระเบิดของกองทัพอากาศสหรัฐและพันธมิตรได้ทิ้งระเบิดแรงสูงและระเบิดเพลิงจำนวน 3,900 ตันใส่ เดรสเดน ในเวลาไม่ถึง 15 ชั่วโมงในการโจมตี 4 ครั้ง และทำลายพื้นที่ 34 ตารางกิโลเมตรของเมืองทั้งหมด ส่วนที่เหลือของเมืองถูกทำลายด้วยเพลิงไฟขนาดใหญ่ซึ่งเป็นผลมาจากการทิ้งระเบิด
ตามคำกล่าวอ้างของกองทัพสหรัฐ เดรสเดน เป็นศูนย์การทหารที่สำคัญ มีโรงงาน 110 แห่งและพนักงาน 50,000 คนที่ทำงานสนับสนุนรัฐบาลนาซี ในขณะที่โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม สะพาน และพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่นอกเมืองถูกทิ้งระเบิดและการโจมตีด้วยระเบิด โดยไม่มีความแตกต่างเลยระหว่างทหารหรือไม่ใช่ทหาร และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลยกับวัตถุประสงค์ทางทหาร
มีข้อขัดแย้งเกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิตในการทิ้งระเบิด โดยยอดผู้เสียชีวิตมีตั้งแต่ 34,000 ถึงจำนวนที่สูงมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
จากการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ “Die Welt” Erhard Mondra สมาชิกของคณะกรรมการ Butzen (สถาบันสำหรับอดีตนักโทษการเมืองในสาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมัน) กล่าวว่า: ตามคำกล่าวของพันโท Die Matze อดีตหัวหน้าร่วมของเยอรมัน ของเจ้าหน้าที่ในเขตทหาร เดรสเดน
เหยื่อ 35,000 รายระบุตัวตนได้ทั้งหมด
50,000 รายระบุได้บางส่วน
แต่ประมาณ 168,000 ราย ไม่สามารถระบุได้
ติดตามตอนที่ 2
No Result
View All Result