เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ แฉการเมืองชักใยปลุกแบ่งแยกดินแดน
พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยผลการประชุมถึงกรณีนักศึกษามีการจัดทำโพลแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหัวข้อ ให้ปาตานีแยกออกมาปกครองตัวเองจากรัฐไทย ว่า ตนได้เชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าวแล้ว ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นในพื้นที่ ทั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า และตำรวจภาค 9 ก็กำลังตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงในเนื้อหาสาระของกิจกรรมที่จัด และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง และดูข้อมูลผลผลิตต่างๆ ที่ปรากฎต่อสื่อและโซเชียลมีเดียว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมายเรื่องใดบ้าง ข้อมูลที่ปรากฎจะไปเกี่ยวข้องกับที่ต้องการแยกตัวเป็นเอกราช ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญและผิกกฎหมายหรือไม่ ก็ต้องมีการสืบสวนและหาข้อมูลรายละเอียด ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการ คงต้องใช้เวลาพอสมควร
.
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประเมินหรือไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้หรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า จากการประชุมได้มีการสรุปข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายดำเนินการ ตามขั้นตอนอย่างยุติธรรม โดยไม่มีเจตนาจ้องที่จะดำเนินการต่อผู้กระทำผิด ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบว่าผิดหรือไม่ผิด และดำเนินการตามกฎหมาย แต่เรากังวลสิ่งที่เผยแพร่ไปสู่สาธารณชน อย่างที่พวกเราได้ยินได้ฟัง ซึ่งต้องดูว่า กลุ่มที่ทำ ทำโดยเสียงประชาชนส่วนใหญ่หรือไม่ กลไกต่างๆ ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภาสันติสุข ระดับตำบล และที่ผ่านมาเราก็รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด ซึ่งต้องดูว่าสิ่งเหล่านี้มีที่มาที่ไปอย่างไร
.
พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรี ที่ให้พยายามชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วน รวมทั้งประชาชน ด้วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจะผิดกฎหมาย ถ้าต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายจะต้องดำเนินการอย่างไร จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทำความเข้าใจ โดยใช้กลไกที่มีอยู่ พูดคุยกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
.
เมื่อถามว่า มีการประเมินหรือไม่ เพราะประเด็นนี้มีกลุ่มคนพยายาม แต่ทำไมจึงมารุกคืบรุนแรงในช่วงเวลานี้ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ต้องให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานซึ่งเรามีฐานข้อมูลเดินอยู่พอสมควร ในความโยงใย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตามที่อยู่ใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ สิ่งที่รัฐบาลพยายามทำมาได้พยายามทำความเข้าใจมาโดยตลอดถึงเหตุผลความจำเป็น ที่ต้องการให้ประชาชนคนไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ดีกินดี ปลอดภัย ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนในสิ่งที่พื้นที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสังคม ศาสนา วัฒนธรรม และการศึกษา ถ้าดูแผนงานต่างๆ ในสิ่งที่รัฐบาลทำ จะเห็นว่าได้พยายามตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ แม้บางส่วนอาจจะมีความคิดอย่างที่พวกท่านทราบ แต่เราก็ต้องพยายามอธิบายทำความเข้าใจถึงผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร
.
เมื่อถามว่า ตอนนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงมีหลักฐานว่าพรรคการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไรหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า จากการจัดกิจกรรมเท่าที่ทราบ เห็นว่ามีพรรคการเมืองเกี่ยวข้องด้วย ทั้งที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลัง ตรงนี้ขอให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งต้องอยู่ในผลการสอบสวนอยู่แล้ว ว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง
.
เมื่อถามว่า โยงไปถึงพรรคการเมืองที่หาเสียงในช่วงเลือกตั้งด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะที่มีการหาเสียงว่าจังหวัดภาคใต้ต้องมีนายกฯ เป็นของตัวเอง พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ถ้าสังเกตการหาเสียงเลือกตั้ง ค่อนข้างจะสุดโต่ง แรง และหลายเรื่อง ที่ทางสมช.มีข้อกังวล แต่ภายหลังผลการเลือกตั้ง แม้จะยังไม่มีการรับรองจาก กกต.ก็ตาม ก็จะเห็นว่ามีความเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมืองที่พยายามพูดถึงนโยบายที่จะทำต่อไป ตนคิดว่านโยบายเหล่านั้นนุ่มนวลลง และจากการเก็บรายละเอียดดูเหมือนว่านโยบายส่วนใหญ่สอดคล้องกับที่เราพยายามทำอยู่ ทั้งนี้ ข้อมูลเดิมไม่ว่าอะไรก็ตามที่เชื่อมโยงกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย ต้องถูกนำมาพิจารณาทั้งหมด
.
เมื่อถามว่า สมช.สามารถเอาผิดจากนักการเมืองได้หรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เมื่อถามว่า สมช.ได้คุยกับหัวหน้าพรรคการเมืองที่หาเสียงลักษณ์นั้นแล้วหรือยัง พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ยัง ไม่ได้มีการพูดคุย แต่ความจริงแล้วท่านน่าจะทราบ สมช.กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พูดชัดเจนเรื่องนโยบายแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ รัฐบาลได้พูดชัดเจนมาตลอดทั้งในสภาฯ และ ครม.ถึงการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เรามีนโยบายชัดเจน
.
เมื่อถามว่า เบื้องต้นยังเป็นเรื่องภายใน ยังไม่มีแรงจากนอกประเทศสนับสนุนใช่หรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ยังไม่มี แต่เรายังไม่ได้ตัดออกไป หากพบว่ามี ซึ่งทุกวันนี้เราได้พูดคุยกับต่างประเทศ ทั้งระดับนโยบายทั้งหมด และฝ่ายต่างประเทศ และองค์กรต่างประเทศก็ลงไปรับทราบสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการพูดคุยอย่างใกล้ชิดมาตลอด
.
เมื่อถามว่า องค์กรต่างประเทศจะลงพื้นที่ต้องขออนุญาตหน่วยงานใดหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า หากองค์กรประสงค์จะลงพื้นที่ต้องแจ้งกระทรวงต่างประเทศก่อน จากนั้นจะพูดคุยกับสมช.ถึงความต้องการและวัตถุประสงค์ หากดูแล้วไม่กระทบกับเรื่องใดที่จะเกิดปัญหาต่อประเทศเรา ก็จะมีขั้นตอนให้ ศอ.บต.เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไปพูดคุยกับหน่วยงานด้านความมั่นคงอื่นๆ เพื่อองค์กรเหล่านั้นจะได้ลงพื้นที่ตามวัตถุประสงค์ เมื่อถามว่า การจัดกิจกรรมประกาศเจตนารมณ์ในเวทีมหาวิทยาลัยต่างๆ ต่อไปนี้จะสามารถทำได้หรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ต้องดูเจตนา และข้อมูลว่าทำผิดกฎหมายหรือไม่
.
เมื่อถามว่า กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า ได้ตั้งมูลความผิดไว้หรือยัง พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ยัง อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เมื่อถามว่า การออกแบบสอบถามเพื่อทำประชามติเพื่อแบ่งแยกดินดินแดนตามที่เป็นข่าวสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ถ้าพูดถึงการลงประชามติ เรื่องเอกราช มาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่าทำไม่ได้ ส่วนจะผิดกฎหมายมาตราย่อยอย่างไรต้องดูพฤติกรรม และหลักฐาน สภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดย กอ.รมน.จะเป็นเจ้าภาพลงไปดำเนินการ ซึ่งวันนี้ได้กระทรวงยุติธรรม อัยการ มาพูดคุยแล้ว
.
เมื่อถามว่า พรรคการเมืองที่ส่งตัวแทนเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวจะถือว่ามีความผิดหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ถ้ามีหลักฐานว่ามีความผิดก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อถามว่า ทางมหาวิทยาลัยต้องรับผิดชอบเหตุการณ์นี้หรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า กิจกรรมนี้ดูเผินๆ เป็นกิจกรรมทางวิชาการ ซึ่งในเนื้อหาสาระ มีทั้งเชิงวิชาการและกิจกรรมที่สุ่มเสี่ยง ดังนั้นจึงเกิดประเด็นที่น่าเป็นห่วงที่ต้องตรวจสอบ และต้องทำความเข้าใจกับสังคม
.
เมื่อถามว่า จะมีการป้องกันไม่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ซ้ำรอยขึ้นอีกได้อย่างไร พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า เตรียมไว้แล้วหน่วยงานพื้นที่ ซึ่งได้รับมอบแนวทางไปทำความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นอย่างเปิดกว้างในเรื่องต่างๆ แล้ว ส่วนกระบวนการใด ที่ต้องยึดกฎหมาย ประเทศเรามีระบบชัดเจนอยู่แล้ว ที่จะต้องเสนอผ่านกระบวนการ
.
เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงได้ติดตามปฏกิริยาประชาชนในพื้นที่หรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า คิดว่าประชาชนเข้าใจว่าเราไม่ต้องการไปต่อสู้หรือปิดกั้น ความคิดของท่านเพียงแต่ต้องดูบริบทในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้เดินทางมาถึงจุดนี้แล้วแม้จะมีบางเรื่องต้องปรับปรุงและพัฒนาแนวทางให้มีการก้าวหน้าต่อไป ทั้งนี้ เราพยายามพูดคุยกับผู้เห็นต่างทางการเมืองมาโดยตลอด และทุกวันนี้มีการยกระดับให้มีการพูดคุยกว้างขวางยิ่งขึ้น ทุกภาคส่วน มิใช่แค่ กลุ่มบีอาร์เอ็น หรือกลุ่มอะไรก็ตามที่อ้างตัวขึ้นมาเราได้รับฟัง พร้อมพยายามเชิญนักการเมืองและผู้ที่เป็นตัวตั้งตัวตีของประชาชนมาทำความเข้าใจมาช่วยกันแก้ปัญหา
.
เมื่อถามว่า กิจกรรมดังกล่าวเกินความคาดหมายของฝ่ายความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ไม่เกิน จริงๆ ที่ผ่านมาก็มีกิจกรรมที่น่ากังวลเกิดขึ้น แต่เนื่องด้วยเราสนับสนุนให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นถึงความต้องการภายใต้กรอบกฎหมายที่จะทำได้ เพื่อให้ประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าใจรัฐบาล ไม่มีเจตนาไปกดขี่ หรือ บังคับ หรือ มองว่า ไม่ใช่กลุ่มประชาชนคนไทย เรามองว่าทุกคนคือคนไทย เราให้แสดงออกในความต้องการภายใต้กฎหมาย จึงได้เกิดกิจกรรมลักษณะแบบนี้ขึ้นมา แต่อะไรที่ผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ สิ่งไหนที่ต้องทำความเข้าใจอธิบายความ เพื่อไม่ให้ทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการควบคู่ไปด้วย
.
เมื่อถามว่า ช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคงทำงานลำบากหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่าไม่ลำบาก ซึ่งวันนี้ที่ประชุมก็คุยเรื่องนี้ โดยความกังวลในฐานะ สมช.ดูแลความมั่นคงภาพรวมเราพูดชัดเจนว่าหน่วยงานความมั่นคงต้องทำงานบนพื้นฐานข้อเท็จจริง ตามข้อมูลการวิเคราะห์ แผนการแก้ปัญหาและการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลาไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลก็จะนำเสนอข้อมูลตามบทบาทหน้าที่
.
เมื่อถามว่า มีการประเมินความมั่นคงในประเทศ มีอะไรที่น่ากังวลหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ในเรื่องการชุมนุมหรือความขัดแย้งทางการเมือง หรือการก่อความไม่สงบ ถือเป็นหน้าที่โดยตรงที่เราต้องเตรียม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นกลไกหลักในการเตรียมการ และ ผบ.ตร.รับทราบเตรียมการมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ผลการประชุมในวันนี้จะสรุปต่อนายกฯ ต่อไป
.
เมื่อถามว่า พร้อมรับมือกับการปลุกระดม ส.ว.ที่จะมีการโหวตนายกฯ คนใหม่ ด้วยแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ต้องพร้อม ถ้าออกมาชุนุมสงบเป็นเรื่องที่ตำรวจต้องดูแลอำนวยความสะดวกให้เกิดความปลอดภัยทุกฝ่าย แต่หากก่อเหตุร้ายเหตุรุนแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าไปยุติเหตุ เมื่อถามว่า บุคคลที่โพสต์ปลุกระดมผ่านโซเชียลฯมีความผิดหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ถือเป็นการแสดงความเห็นและเชิญชวน โดยที่เหตุยังไม่เกิด แต่ทางเจ้าที่ก็ต้องติดตามดำเนินการต่อไป
.
“ในฐานะ สมช.อยากทำความเข้าใจในฐานะหน่วยงานความมั่นคงพูดหลายครั้งแล้วว่า การที่ประเทศไทยจะเดินหน้าในทุกมิติอย่างราบรื่น จะต้องมีรัฐบาลที่มั่นคง และการชุมนุม หรือไม่มีเหตุเกิดขึ้นจะเป็นที่มั่นอกมั่นใจ ของภาคเศรษฐกิจ ดังนั้น ถ้าทุกฝ่ายเดินหน้าไปตามกรอบกฎหมาย คิดว่าเราหน้าจะไปได้ดี”
.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้เหลือเวลาอีกประมาณ 3 เดือน จะเกษียณอายุราชการแล้ว ตอนนี้ได้มีการวางตัวบุคคล ที่จะเสนอเป็นเลขาฯ สมช.คนใหม่ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้วหรือยัง พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีที่จะพิจารณา