ประธานรัฐสภาและบรรดาสมาชิกรัฐสภาชุดที่ 11 เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม
“ผลพวงของการตามกระแสและการสร้างบรรยากาศจากศัตรู ถือเป็นโฆษณาชวนเชื่อของพวกต่างชาติ”
Burapanews สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า
ประธานรัฐสภาและบรรดาสมาชิกรัฐสภาชุดที่ 11 เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า รัฐสภาชุดนี้ เมื่อมองแบบโดยรวมทั้งหมด เป็นรัฐสภาแห่งการปฏิวัติอิสลาม เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความกระตือรือร้น และมีมติต่างๆที่ดี สำหรับการแก้ไขปัญหาทั้งหลายของประเทศ และท่านผู้นำยังกล่าวอธิบายถึงข้อบังคับของการกำหนดกฏหมาย รวมถึงความไร้ประสิทธิภาพ เนื่องจากความเห็นแก่ตัวและการพิจารณาเป็นฝักฝ่าย โดยท่านกล่าวว่า “ในปีสุดท้ายของรัฐสภา ถือว่ารัฐสภานั้น มีผลงานต่างๆที่ยิ่งใหญ่ เช่น การตรวจสอบและการอนุมัติแบบแผนที่ 7 แห่งการพัฒนา การอนุมัติกฏหมายทั้งหลายที่จำเป็นสำหรับการบรรลุคำขวัญประจำปี หมายถึง การยับยั้งเงินเฟ้อและความก้าวหน้าทางการผลิต และการตรวจสอบญัตติและโครงการที่ยังไม่สำเร็จ ด้วยความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อน โดยพวกท่านทั้งหลาย จะต้องทำให้สำเร็จ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในช่วงเริ่มต้นของการปราศรัย ท่านได้กล่าวแสดงความยินดีต่อบรรดาประชาชาติอิหร่านที่ยิ่งใหญ่ เนื่องในวันที่ 3 โครดอด ซึ่งตรงกับปีแห่งการเป็นอิสรภาพของเมืองโครัมชาห์ ถือว่า เป็นวีรกรรมอันน่ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง และท่านผู้นำสูงสุดยังได้ให้คำแนะนำว่า ให้อ่านหนังสือต่างๆที่เขียนเกี่ยวกับการปฏิบัติการต่างๆของบัยตุลมุก็อดดัส โดยท่านกล่าวเสริมว่า “สิ่งที่สำคัญกว่าชัยชนะอันยิ่งใหญ่ คือ การมีความคิดสร้างสรรค์ แผนการต่างๆของสงครามที่สามารถนำมาเป็นบทเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งสงคราม การเสียสละ ความกล้าหาญที่เกินความสามารถทั่วไปของมนุษย์ บรรดาชะฮีดที่สูงส่ง กระแสและข้อเท็จจริงอื่นๆที่เกี่ยวกับการปฏิบัติการดังกล่าว ซึ่งอย่าได้ทำให้ความสำคัญของมันลดน้อยลงหรืออาจถูกลืมเลือน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวยกย่องถึงความยิ่งใหญ่และสถานภาพของสถาบันรัฐสภา ถือว่า ศักดิ์ศรีทางกฏหมายของรัฐสภานั้นมีความสูงส่งและมีความสำคัญมากกว่าศักดิ์ศรีในการตรวจสอบเพียงเท่านั้น และท่านผู้นำยังได้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่สำคัญของกฏหมายต่างๆสำหรับการเกิดขึ้นของเสถียรภาพ การคาดการณ์อนาคตทางปัจเจกบุคคล สังคมและประเทศ การตระเตรียมความเป็นไปได้ของการวางแบบแผนของบรรดาเจ้าหน้าที่ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การกำหนดกฏหมาย เสมือนกับการสร้างรางรถไฟ หรือกล่าวอย่างชัดเจนว่า เหมือนการสร้างถนน ที่จะมีการกำหนดทิศทางของเส้นทางสำหรับการขับเคลื่อนให้กับสภาต่างๆ”
ความสัมพันธ์ของนโยบายทั่วไปของรัฐอิสลามกับการกำหนดกฏหมาย เป็นอีกประเด็นที่สำคัญของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านกล่าวอธิบายว่า “นโยบายทั่วไป ซึ่งทั้งหมดนั้นมีรสนิยมและมีวิธีการบริหารและการจัดการที่แตกต่างกัน ทั้งยังมีการกำหนดทิศทางและกฏหมาย บนเส้นทางอันจำเพาะที่สามารถจะขับเคลื่อนไปในทิศทางนี้ได้”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การให้ความสนใจเป็นพิเศษอย่างสมบูรณ์ไปยังนโยบายทั่วไป เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นในการกำหนดกฏหมายทุกประเภทอย่างสมบูรณ์ที่สุด โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การกำหนดกฏหมายนั้นมีวิธีการและหลักการต่างๆ เช่นกัน ซึ่งได้ประกาศใช้ในนโยบายทั่วไป แต่ทว่า ช่างน่าเสียใจเป็นยิ่งนักที่หลังจากผ่านไปหลายปีแล้ว จนถึงขณะนี้ยังไม่ถูกนำมาใช้เป็นกฏหมายในรัฐสภา”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้อ้างถึงหลักการของนโยบายทั่วไปของกฏหมาย การไม่สามารถตีความและความกระจ่างชัด ความน่าเชื่อถือและการพึ่งพายังการปฏิบัติของผู้เชี่ยวชาญที่ครอบคลุม ถือว่า เป็นลักษณะที่จำเป็นของกฏหมาย โดยท่านกล่าวว่า “กฏหมายที่ดี จะต้องมีการบังคับใช้ หากมิฉะนั้นแล้ว ดูเหมือนว่าความปรารถนาและเป้าหมายจะยังไม่บรรลุผล”
การมีเสถียรภาพทางกฏหมายและการหลีกเลี่ยงออกจากการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การได้รับการแก้ไขและความชัดเจน อีกทั้งความไม่ขัดแย้งกันของกฏหมายต่างๆ เป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติและเป็นข้อบังคับในการกำหนดกฏหมาย ซึ่งท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีได้ชี้ให้พวกเขาได้เห็น โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การกล่าวในประเด็นที่เกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ และการป้องกันการสะสมของข้อกฏหมายที่สำคัญ เพราะว่าเมื่อมีกฏหมายในประเด็นหนึ่งหลายฉบับ หน้าที่ก็ไม่มีความชัดเจน ดังเช่นที่เคยกล่าวย้ำไปหลายครั้งแล้วว่า เหล่านักกฏหมายที่กระทำผิดกฏหมาย จะฉวยโอกาสจากช่องโหว่เหล่านี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การกำหนดกฏหมาย เนื่องจากผลประโยชน์ของบุคคลหรือกลุ่มผู้คน เป็นผลกระทบอีกประการหนึ่งของการกำหนดกฏหมาย และท่านยังกล่าวเสริมในอีกประเด็นว่า “ในรัฐสภานั้น มีญัตติที่จะต้องมีการจัดอันดับความสำคัญมากกว่าโครงการต่างๆ เพราะว่า รัฐบาลยังมีการพิจารณาอีกด้วยเช่นกันว่า มีความเป็นไปได้ที่จะนำญัตติต่างๆเหล่านี้ไปดำเนินการ”
การมีประสิทธิภาพจากการตามกระแสและการสร้างบรรยากาศโดยเหล่าศัตรูในการโฆษณาชวนเชื่อหรือโดยบรรดาสื่อสารมวลชน เป็นผลกระทบอีกประการหนึ่งที่ท่านผู้นำสูงสุดได้มีคำสั่งห้ามบรรดาสมาชิกรัฐสภา อย่างสมบูรณ์แบบ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การให้ความสำคัญกับฝักฝ่ายและกลุ่มผู้คน ไม่ควรที่จะมีบทบาทในการตรวจสอบและการอนุมัติของกฏหมาย ด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า เนื่องจากการมีรสนิยมที่แตกต่างกันนั้น มีการแบ่งเป็นกลุ่มๆอยู่ในรัฐสภามาโดยตลอด แต่อย่าได้ปล่อยให้มีสองขั้วเป็นอันขาด และจะมีผลต่อสิทธิอันชอบธรรมและความเหมาะสมในการกำหนดกฏหมาย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวสรุปในส่วนนี้ของคำปราศรัยของท่าน โดยท่านได้เน้นย้ำว่า “พวกท่านทั้งหลาย จะต้องร่างข้อกฏหมายด้วยความปลอดภัย ความสะอาดบริสุทธิ์ และสำหรับการแสวงหาความพึงพอใจ อีกทั้งการช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า และหากเป็นเช่นนี้ แน่นอนที่สุด ก็จะเป็นรัฐสภาที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีเป็นอย่างยิ่ง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวในส่วนที่สองของคำปราศรัยของท่าน เกี่ยวกับคุณลักษณะพิเศษและผลงานของรัฐสภาชุดที่ 11 โดยท่านกล่าวว่า “หลังจาก 3 ปีที่ผ่านมา เราถือว่า รัฐสภาโดยรวมนั้นเป็นรัฐสภาแห่งการปฏิวัติอิสลาม มีความเป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ และเต็มไปด้วยกับความกระตือรือร้น แน่นอนว่า มุมมองนี้เป็นมุมมองโดยทั่วไป และยังไม่ได้คำนึงถึงข้อยกเว้นที่คาดว่าจะมีอยู่ในรัฐสภา อีกด้วยเช่นกัน”
การรู้จักถึงปัญหาต่างๆของประเทศและการกำหนดกฏหมายสำหรับการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เป็นอีกลักษณะพิเศษของรัฐสภาชุดที่ 11 ซึ่งท่านผู้นำได้ชี้ให้เห็น พร้อมทั้งกล่าวว่า “ได้มีการอนุมัติอย่างเด็ดขาดและชัดเจนในกฏหมายหลักต่างๆสำหรับการต่อต้านกับการทุจริตคอร์รัปชั่น การขจัดการเลือกปฏิบัติและการผูกขาด ทั้งการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การอนุมัติของกฏหมายบางประการของรัฐสภาชุดปัจจุบันนี้ เป็นกฏหมายเชิงยุทธศาสตร์ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “กฏหมายที่เป็นยุทธศาสตร์สำหรับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร เป็นมติหลักและสำคัญที่จะช่วยประเทศให้ออกห่างจากความสับสนในประเด็นนิวเคลียร์และสภาวะของความไม่รู้ ซึ่งเราได้เห็นในผลลัพท์จากการดำเนินการ แม้แต่ในเวทีโลกเองก็ตาม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า กฏหมายเพื่อการสนับสนุนครอบครัวและเยาวชนของประชากร เป็นกฏหมายที่สำคัญอย่างมาก โดยท่านกล่าวเสริมว่า “กฏหมายที่ก้าวกระโดดของการผลิตฐานความรู้ ก็เป็นอีกมติหนึ่งทางด้านยุทธศาสตร์ของรัฐสภา ด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความเรียบง่ายและการหลีกเลี่ยงจากการมีพฤติกรรมแบบชนชั้นสูงและการมุมมองที่สูงต่อประชาชน เป็นลักษณะพิเศษของบรรดาสมาชิกรัฐสภาส่วนมาก และในขณะเดียวกัน ท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า ในกรณีนี้ก็มีข้อยกเว้นอยู่อีกด้วยเช่นกัน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ให้คำแนะนำโดยเน้นย้ำกับสมาชิกรัฐสภาทั้งหลายว่า อย่าได้สูญเสียลักษณะพิเศษของการนอบน้อมถ่อมตัวในการเผชิญหน้าเป็นอันขาด โดยท่านกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า ประเด็นนี้นั้นมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการให้คำมั่นสัญญาที่ไม่สามารถบรรลุผลได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ปีสุดท้ายของรัฐสภา เป็นปีแห่งการสร้างวีรกรรม โดยท่านกล่าวเสริมว่า “วิกฤติของประเทศ คือ ปีสุดท้ายของรัฐสภา เพราะว่า บรรดาสมาชิกรัฐสภาที่ได้รับการเลือกตั้งและการเหลียวมองของประชาชน แต่พวกท่านทั้งหลายจะต้องมีความพยายามในการทำงาน ไม่ว่า พวกท่านจะได้รับการเลือกตั้งหรือไม่ได้รับก็ตาม ในเดือนอิสฟันด์ของปีนี้ เพราะว่าสิ่งที่ยังคงอยู่สำหรับพวกท่านนั่นคือ การทำงานที่ได้รับความพึงพอพระทัยจากพระผู้เป็นเจ้า”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวในส่วนสุดท้ายของคำปราศรัยของท่าน โดยท่านได้ให้คำแนะนำหลายประการที่สำคัญกับบรรดาสมาชิกรัฐสภา
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายถึงคำแนะนำประการแรก โดยท่านได้ชี้ให้เห็นนถึงทั้งสองฝ่ายในการมีความสมานฉันท์และการทำลายความสัมพันธ์ของรัฐสภากับสภาอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรัฐบาล โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ในมุมมองเชิงการทำลายล้าง ทั้งสองฝ่ายต่างได้มองกันด้วยสายตาของความเป็นคู่แข่งและด้วยเป้าหมายในการทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องยอมสยบ ซึ่งการมีมุมมองเช่นนี้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายรัฐสภา เองก็ตาม ถือว่า เป็นอันตรายและก่อปัญหาอย่างมาก”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงตัวอย่างของผลที่ได้รับจากมุมมองเชิงการทำลายล้าง ซึ่งเป็นเหตุของการหยุดชะงักของภารกิจของประเทศ โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในอดีตที่ผ่านมา ประธานรัฐสภาคนหนึ่งได้ฟ้องว่า รัฐบาลไม่มีญัตติให้รัฐสภา เนื่องจากไม่ถือว่าองค์ประกอบของรัฐสภานั้นเป็นของตน แน่นอนว่า ประเด็นเหล่านี้ วิธีการแก้ไข การจัดเตรียมและการอนุมัติของโครงการต่างๆอยู่ในอำนาจของรัฐสภา หรือ มีการประกาศกฏหมายให้รัฐบาล แต่ทว่าการกำหนดระเบียบการ และกฎหมายนั้นไม่ถูกนำมาใช้ ในขณะที่การมีมุมมองเชิงการทำลายล้าง รัฐสภายังใช้เครื่องมือต่างๆแบบสุดโต่งในการตรวจสอบอีกด้วยเช่นกัน เช่น การสอบถาม การตักเตือน และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เช่น รัฐมนตรีคนหนึ่งซึ่งยังไม่ผ่านสามเดือนจากความไว้วางใจ ก็มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเขา ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ ล้วนเกิดขึ้นจากการมีมุมมองในแบบคู่แข่งนั่นเอง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การมีมุมมองและวิสัยทัศน์ที่ถูกต้อง คือ การมีมุมมองแบบสมานฉันท์ เป็นการทำให้รัฐอิสลามนั้นมีความสมบูรณ์ อีกทั้งยังจะทำให้มีองค์รวมเดียวกัน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “วิสัยทัศน์ของรัฐสภาและรัฐบาล ควรร่วมมือกันและการรวมพลังร่วมกัน แน่นอนว่า เราได้ให้คำตักเตือนเหล่านี้แก่รัฐบาลและสภาตุลาการสูงสุดด้วยเช่นกัน แต่รัฐบาลจะต้องแบกรับภาระในการดำเนินการ และด้วยการพิจารณาถึงปริมาณที่มากมายของการทำงาน ข้อเรียกร้อง และความคาดหวัง ที่จะต้องให้ความเคารพแก่รัฐบาลด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า จะต้องไม่นำข้อพิพาทเข้าสู่ความสัมพันธ์รัฐบาลและรัฐสภา โดยท่านกล่าวว่า “ในเมื่อรัฐสภาได้ร่วมมือกับรัฐบาล ซึ่งในบางครั้ง บางคนเนื่องจากมีนิสัยที่ไม่ดีทางการสื่อสารและทางสื่อสังคมออนไลน์ กล่าวหา รัฐสภาว่ากลายเป็นรัฐบาลและสูญเสียอิสรภาพของตนเอง ซึ่งพวกท่านทั้งหลายอย่าได้ใส่ใจต่อคำพูดเหล่านี้ ซึ่งมีจุดประสงค์และไม่ทราบถึงความเหมาะสมของมัน”
คำแนะนำประการต่อมาของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่ทีต่อบรรดาสมาชิกรัฐสภา คือ การหลีกเลี่ยงจากความเข้มงวดบางประการที่มีต่อรัฐมนตรีที่ได้รับการนำเสนอให้รัฐสภา โดยท่านผู้นำกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “ในการกำหนดคุณสมบัติความเหมาะสม จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอย่างเพียงพอและมีความเข้มงวดในระดับปกติตามมาตรฐานและมีตรรกะ แต่ไม่ใช่ในรูปแบบที่ว่า กระทรวงว่าการนั้นไม่มีรัฐมนตรีมาเป็นเวลานาน ซึ่งปัจจุบันนี้ มีหลายกระทรวงด้วยกันที่ยังไม่มีรัฐมนตรีและจะต้องมีการนำเสนอให้รัฐสภาทำการพิจารณาต่อไป”
การมีความยำเกรง(ตักวา) และความซื่อสัตย์ด้วยอิสรภาพและความชัดเจน เป็นอีกคำแนะนำประการหนึ่งของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่มีบรรดาสมาชิกรัฐสภา โดยท่านกล่าวว่า “หากว่ากรณีหนึ่งที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการตักเตือนไปยังหน่วยงานต่างๆที่รับผิดชอบ หน่วยข่าวกรองและรัฐบาล ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ในกรณีต่างๆที่จำเป็นจะต้องประกาศอย่างเป็นทางการ ก็จะต้องมีความยำเกรงและความซื่อสัตย์”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวถึงประเด็นที่สำคัญ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ในบางครั้ง บางคนต้องการที่จะตบหน้าเจ้าหน้าที่บางคน แต่ในทางปฏิบัติกลับเป็นการตบหน้ารัฐสภา ในขณะเดียวกันก็ไม่อนุญาตให้ละเมิดเกียรติและศักดิ์ศรีส่วนบุคคลและอัตลักษณ์ทางศาสนาและการปฏิวัติอิสลาม แน่นอนว่า คำแนะนำนี้เกี่ยวข้องกับประชาชน แต่เราในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ ซึ่งนั่งอยู่บนที่สูงและพวกเขาทั้งหมดนั้นต่างได้ยินเสียงของพวกเรา เราก็จะต้องให้ความใส่ใจในประเด็นเหล่านี้อย่างมากที่สุด”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ให้คำแนะนำอีกประการหนึ่งที่มีต่อบรรดาสมาชิกรัฐสภา โดยชี้ให้เห็นถึงปีสุดท้ายของรัฐสภาชุดที่ 11 โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พวกท่านทั้งหลาย อย่าได้ปล่อยให้ความทะเยอทะยานมีผลต่อคำพูดและการดำเนินการของพวกท่าน และการที่คำพูดของบุคคลหนึ่งหรือการกระทำของบุคคลหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนมีความสนใจและการเพิ่มคะแนนเสียงให้กับตน พวกท่านก็จงทำให้สิ่งเหล่านี้ออกจากสมองของพวกท่าน ซึ่งการกระทำนี้ ถือเป็นการต่อสู้ที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงคำแนะนำประการสุดท้าย โดยการเน้นย้ำให้เห็นว่า การบรรลุผลของภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของรัฐสภาในปีสุดท้าย เช่น แบบแผนที่เจ็ด การติดตามคำขวัญประจำปี การอนุมัติที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ การชดเชยช่องว่างและการเพิกเฉย โดยท่านกล่าวกับสมาชิกทั้งหลายของรัฐสภาว่า “พวกท่านทั้งหลายได้เข้าสู่รัฐสภาอย่างภาคภูมิใจ และหากพระเจ้าทรงประสงค์ พวกท่านก็จะออกจากรัฐสภาอย่างภาคภูมิใจ”
ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครั้งนี้ ประธานรัฐสภาแห่งรัฐอิสลาม ได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับผลงานของรัฐสภาชุดที่ 11 โดยเขาถือว่า การสร้างแผนกลยุทธ์สำหรับการจัดอันดับความสำคัญในการกำหนดกฏหมาย เป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่เด่นที่สุดของรัฐสภาชุดนี้
ชุดของการเปลี่ยนแปลงกฏหมายทางเศรษฐกิจสำหรับการปรับปรุงระบบธนาคาร การอนุมัติกฏหมายในด้านต่างๆ เช่น ภาษีอากร บ้านที่อยู่อาศัย รถยนต์ การประกัน ความโปร่งใส การเกษตรและการผลิต กฏหมายว่าด้วยการจัดอันดับครู กฏหมายการสนับสนุนครอบครัวและเยาวชนของประชากร แผนการแก้ไขกฏหมายเลือกตั้ง การอนุมัติญัตติทั่วไปสำหรับการยกระดับความมั่นคงของสตรี แผนการจัดระบบของสื่อสังคมออนไลร์และการอนุมัติญัตติที่เร่งด่วนเกี่ยวกับการคลุมฮิญาบ ทั้งหมดเหล่านี้ ล้วนคือ ผลงานของสภานิติบัญญัติและเป็นประเด็นต่างๆที่กำลังทำการตรวจสอบของรัฐสภาชุดที่ 11 ที่ พณฯ ท่าน กอลีบอฟ ได้กล่าวอธิบายถึง
ประธานรัฐสภา ถือว่า การมีความคิดสร้างสรรค์ ในขีดความสามารถของโครงสร้างพื้นฐานของการตรวจสอบ เป็นอีกคุณลักษณะเด่นของรัฐสภาชุดนี้ โดยเขากล่าวเสริมว่า “ในรัฐสภาชุดนี้ มีการใช้เครื่องมือต่างๆของการตรวจสอบ เช่น การสอบถาม การอภิปรายไม่ไว้วางใจ การวิเคราะห์และการสืบสวน โดยได้รับการสนับสนุนจากการตรวจสอบในภาคสนามและหน่วยบัญชาการ นอกจากนี้ ยังมีการดูแลการแก้ไขปัญหาต่างๆของประชาชน”
การดำเนินการอย่างแข็งขันในเวทีทางการทูตและการเผชิญหน้าทางกฏหมายกับภัยคุกคามจากต่างประเทศ ความพยายามสำหรับการปฏิรูปโครงสร้างของงบประมาณด้วยการใช้ระบบอัจฉริยะในการวางงบประมาณและการตรวจสอบอย่างจริงจังต่อบริษัทของรัฐฯ เป็นอีกหลายประเด็นที่ประธานรัฐสภาได้ชี้ให้เห็นถึง