กมลา แฮร์ริส” บินร่วมเอเปคถึงไทยพรุ่งนี้ ตั้งเป้าคุยเรื่อง “พม่า-การค้า-โลกร้อน
Burapanews สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส ออกเดินทางจากสหรัฐฯเพื่อร่วมการประชุมเอเปค 2022 สัปดาห์นี้ ตั้งเป้าคุยเรื่องพม่า การค้า และการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมโลกที่กรุงเทพฯ ก่อนเยือนหมู่เกาะปาลาวันของฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้สัปดาห์หน้า ด้านนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ตารางแน่นเอียดจนถึงวันเสาร์ มีกำหนดหารือสำคัญกับทั้ง สหรัฐฯ ฝรั่งเศส จีน ญี่ปุ่น ซาอุฯ และเวียดนาม สื่ออเมริกัน VOA ชี้ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯถูกจับตาเป็นพิเศษหลังไม่ปิดพรมแดนนักท่องเที่ยวรัสเซียตามโลกตะวันตก งดออกเสียงในการลงมติประณามรัสเซียผนวกดินแดนยูเครนในที่ประชุมสหประชาชาติเมื่อตุลาคม
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวานนี้(15 พ.ย) รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส ออกเดินทางจากสหรัฐฯมาเยือนไทยเป็นครั้งแรกในฐานะรองประธานาธิบดีสหรัฐฯเพื่อร่วมการประชุมซัมมิตเอเปค ไทยแลนด์ 2022 ซึ่งมีการจัดงานระหว่างวันที่ 14 พ.ย – วันที่ 19 พ.ย ที่กรุงเทพฯ และไทยเป็นเจ้าภาพในปีนี้ โดยการประชุมระดับผู้นำจะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 18 พ.ย – วันที่ 19 พ.ย และจะมีผู้นำระดับนานาชาติเข้าร่วมในวันดังกล่าว แต่ทว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ไม่มา ได้ส่งแฮร์ริสเข้าร่วมแทน
อ้างอิงจากสื่อในประเทศพบว่า นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ระหว่างที่ได้มีการจับมือและพูดคุยกับไบเดนในงานซัมมิตอาเซียนที่มีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพนั้น พบว่าผู้นำไทยได้แสดงความยินดีต่อไบเดนเนื่องในโอกาสงานแต่งหลานสาวสุดที่รัก นาโอมิ ไบเดน ( Naomi Biden) ซึ่งจะมีพิธีเกิดขึ้นสนามหญ้าทิศใต้ทำเนียบขาววันเสาร์(19) และได้ขอบคุณผู้นำสหรัฐฯสำหรับการส่งแฮร์ริสเข้าร่วมการประชุมเอเปคในไทย
โดยสื่อไทยรายงานว่า พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า การที่สหรัฐฯส่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯเดินทางเข้าร่วมซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงนั้นมีความสำคัญต่อทั้งไทยและต่อการประชุมเอเปคที่กำลังจะเกิดขึ้น
CNN รายงานว่าในการมาเยือนไทยหนแรกนี้แฮร์ริสจะพบกับผู้นำไทยซึ่งจะเกิดขึ้นในวันเสาร์(19) โดยอ้างอิงจากรอยเตอร์ที่ได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯระดับสูงพบว่า ประเด็นการหารือที่แฮร์ริสจะนำมาที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนี้เกี่ยวข้องกับ พม่า ความมั่นคงระดับภูมิภาค ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศโลก
ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯให้ข้อมูลกับ CNN ว่า การเยือนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส ที่มาเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้แสดงให้เห็นว่าภูมิภาคแห่งนี้มีความสำคัญกับสหรัฐฯที่มีพันธะลึกซึ้งมากขึ้นในภูมิภาค และเป็นความพยายามจากทั้งคู่ที่จะทำให้ความเป็นพันธมิตรแข็งแกร่งมากขึ้นในภูมิภาคและการลงทุนในสถาบันสำคัญของภูมิภาค
รองประธานาธิบดีสหรัฐฯมีกำหนดเดินทางถึงกรุงเทพฯในวันพฤหัสบดี(17)ตามเวลาท้องถิ่น แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเปิดเผยว่า “แฮร์ริสจะแสดงหลักการสำคัญที่ทางเราเห็นว่าสมควรที่จะนำระบบเศรษฐกิจเอเปคและรณรงค์ระบบเศรษฐกิจอื่นๆภายใต้วิสัยทัศน์ของเราสำหรับอนาคตซึ่งเป็นไปตามหลักกฎเกณฑ์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ”
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า รองประธานาธิบดีสหรัฐฯอาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีการประชุมวงข้างเคียงกับผู้นำชาติอื่นๆแต่ทว่าไม่สามารถยืนยันได้ว่า จะมีการหารือระหว่างแฮร์ริสและประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิงที่เดินทางเข้าร่วมด้วยหรือไม่
สำหรับรัสเซียนั้นประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ไม่ได้เดินทางเข้าร่วมแต่ส่งรองนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 รองนายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย คนที่ 1 อันเดรย์ เบโลอูซอฟ (Andrey Belousov )เดินทางเข้าร่วมการประชุมเอเปคแทน
ซึ่งปัญหามิสไซล์ตกลงมาในเขตดินแดนโปแลนด์ห่างจากพรมแดนยูเครนไป 6 ก.มล่าสุดทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คนกลายเป็นที่จับตาทั่วโลกในเวลานี้
VOA รายงานว่า ซึ่งประเด็นความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างไทยและรัสเซียจะเป็นที่จับตาเช่นกันจากปัญหาที่ไทยยังคงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซียต่อไป เปิดพรมแดนให้กับนักท่องเที่ยวรัสเซียเข้าประเทศถึงแม้ชาติตะวันตกจะคว่ำบาตร โดยตัวเลขจากสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวรัสเซียพบว่า ภายในสิ้นปี 2022 เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวรัสเซียเข้าไทยจำนวน 250,000 คน
ไทยใช้สิทธิ์งดออกเสียงในโหวตการประชุมใหญ่สหประชาชาติเมื่อตุลาคมประณามรัสเซียที่ผนวกดินแดนทางตะวันออกของยูเครน และในที่ประชุมพบว่ามี 143 ชาติต่างลงมติออกเสียงประณามความก้าวร้าวของรัสเซีย
ซึ่งการงดออกเสียงของรัฐบาลไทยครั้งนี้สร้างเสียงวิจารณ์จากทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ โดยผู้เชี่ยวชาญการศึกษาสันติภาพและความขัดแย้งประจำมหาวิทยาลัยคันไซ มาร์ค เอส. โคแกน( Mark S. Cogan) เชื่อว่า ไทยทำไปเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
โดยในตอนหนึ่งของการให้สัมภาษณ์กับ VOA ชี้ว่า “เสียงดังรอบๆการโหวต UNGA อาจจะไม่ได้รับความนิยมในชุมชนสิทธิมนุษยชน แต่เมื่อรัสเซียถือเป็นตลาดใหญ่อันดับ 7 ทางด้านการท่องเที่ยว ผมเห็นได้เลยว่าเหตุใดพวกเขา(ประเทศไทย)ถึงมองโลกตามความเป็นจริงมากกว่า”
และเสริมต่อว่า “ไทยต้องการอย่างมากในการกลับมาในระดับการค้าและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ซึ่งนโยบายโควิด-19เป็นศูนย์ของจีนจะส่งผลร้ายต่อมุมมองเศรษฐกิจ และพวกเขาต้องการนักท่องเที่ยวรัสเซียเช่นกัน”
ด้านผู้เชี่ยวชาญทางรัฐศาสตร์ชื่อดังของไทย ศ.ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ (Thitinan Pongsudhirak) แสดงความเห็นกับ VOA ว่า “นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ไม่มีสิ่งจำนวนมากที่สามารถโชว์ได้แต่ทว่าภายใต้สถานการณ์ที่ดีขึ้นพร้อมกับยุทธศาสตร์การเติบโตและแผนการที่ชัดเจนว่าต้องการให้ไทยอยู่ที่ใดบนแผนที่โลก ซึ่งไทยจะได้มากจากมัน”
แต่เขาย้ำว่า “สำหรับพลเอกประยุทธ์นั้นไม่ได้เป็นที่รู้จักในฐานะนักนโยบายการต่างประเทศมือฉมังหรือนักยุทธศาสตร์ทางเศรษฐศาสตร์ แต่เขาเป็นนักการทหาร”
ผู้เชี่ยวชาญแสดงความเห็นว่า ในงานเอเปคเที่ยวนี้รัฐบาลไทยให้ความสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศและความพยายามทางการทูตของตัวเองไปที่ “จีน” โดยชี้ไปถึงหมายกำหนดตามตารางที่จะมีการหารือระดับทวิภาคีระหว่างผู้นำไทยและประธานาธิบดีจีนในวันที่ 18 พ.ย
เขากล่าวต่อว่า “งานเลี้ยงอาหารค่ำเป็นหัวใจสำคัญ” และเสริมว่า “ในวาระการประชุมไทย-จีนจะมีประเด็นด้านการฟื้นตัวหลังโควิด-19 การกลับมาของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และจีนสนใจที่ต้องการผลักดันข้อตกลงการค้าเสรี FTA 3.0
โดยปักกิ่งพยายามที่จะหลอกล่อชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ขยายโซนการค้าของตัวเองผ่านข้อตกลง FTA 3.0 เพื่อต้องการปรับปรุงซัพพลายเชนส์ของตัวเองเพื่อต่อกรกับโครงการกรอบทำงานด้านเศรษฐกิจ 14 ชาติอินโด-แปซิฟิก (IPEF)ของไบเดนที่มีเป้าหมายเพื่อทำให้การค้าที่ยุติธรรมและโปร่งใสในภูมิภาค
No Result
View All Result