ยอดผู้เสียชีวิตในการสู้รบ ระหว่างกองทัพซูดานกับกองกำลังอาร์เอสเอฟ เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ยอดผู้เสียชีวิตในการสู้รบที่ดำเนินมานาน 1 สัปดาห์ ระหว่างกองทัพซูดานกับกองกำลัง RSF ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือดโดยไม่มีแนวโน้มว่าจะยอมเปิดการเจรจา ท่ามกลางความกังวลว่าความขัดแย้งนี้อาจทำให้ซูดานต้องเผชิญกับสงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบ ขณะที่ประเทศต่างๆเริ่มดำเนินมาตรการอพยพพลเมืองของตัวเองออกจากซูดานแล้ว
ภาพของกลุ่มควันสีดำจากการสู้รบของกองกำลังทั้งสองฝ่ายในกรุงคาร์ทูมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา การสู้รบระหว่างที่ดำเนินมาครบ 1 สัปดาห์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 413 ราย แบาดเจ็บอีกกว่า 3,551 คน
โดยผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงคาร์ทูม เมืองหลวงของประเทศ ขณะที่ข้อตกลงหยุดยิงยังไม่เป็นผล รวมถึงข้อตกลงหยุดยิงเป็นเวลา 72 ชั่วโมงที่เพิ่งประกาศใช้ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ถูกละเมิดภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
สื่อท้องถิ่นระบุว่า ความล้มเหลวในการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงทุกฉบับ เกิดจากทั้งกองทัพซูดานและกองกำลัง RSF ต่างกล่าวหาว่า อีกฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงก่อน ทำให้ต้องมีการยิงตอบโต้
สถานการณ์การสู้รบที่ยังดำเนินอย่างหนักหน่วงโดยเฉพาะในกรุงคาร์ทูม ซึ่งพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ รวมถึงราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคที่ปรับตัวพุ่งสูงขึ้น ทำให้ประชาชนจำนวนมาก พากันอพยพหนีออกไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดที่อยู่ห่างไกลออกไป
แม้จะไม่มีตัวเลขอย่างเป็นทางการ แต่คาดการณ์ว่า ชาวซูดานนับแสนคนได้อพยพออกจากกรุงคาร์ทูมไปแล้วนับตั้งแต่เกิดการปะทะกันระหว่างทหาร 2ฝ่าย เมื่อ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุด สถานีโทรทัศน์ของซาอุดีอาระเบีย เผยแพร่คลิปเสียงสัมภาษณ์ของพลเอกอัล-บูร์ฮาน ผู้บัญชาการกองทัพซูดานซึ่งออกมายอมรับเป็นครั้งแรกว่า สถานการณ์สู้รบในซูดานกำลังสร้างความกังวลให้กับประเทศต่างๆ ซึ่งทางการซูดานเองก็มีความกังวลต่อสภาพความเป็นอยู่และผลกระทบด้านมนุษยธรรมที่เกิดขึ้นกับชาวซูดานเช่นกัน
แม้พลเอกอัล-บูร์ฮานจะเน้นย้ำว่ากองทัพซูดานสามารถควบคุม
สถานการณ์ความขัดแย้งภายในประเทศได้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ยอมรับว่า กำลังประสบปัญหาในการกวาดล้างกลุ่ม RSF ที่มีการเข้าไปหลบซ่อนตามย่านที่พักอาศัยและใช้พลเรือนผู้บริสุทธิ์เป็นโล่มนุษย์ จากการถูกกองทัพซูดานโจมตี
อย่างไรก็ดี ผู้บัญชาการกองทัพซูดาน ยืนยันว่า ทางกองทัพยังคงยึดมั่นในการใช้กระบวนการทางการเมืองในการหาทางออกให้กับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายใต้หลักสันติวิธี
ด้านพลเอกเฮเม็ดติ ผู้นำกองกำลัง RSF ออกมาประกาศว่าจะไม่ยุติการสู้รบจนกว่าพลเอก อัล-บูร์ฮาน และกองทัพซูดานจะเป็นฝ่ายยอมจำนนเสียก่อน พร้อมกล่าวหาว่า กองทัพซูดานเป็นฝ่ายที่ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงถึง 3 ครั้งในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์การสู้รบที่ยังคงหนักหน่วงในซูดาน ทำให้หลายประเทศเริ่มดำเนินมาตรการอพยพเจ้าหน้าที่ทางการทูต ตลอดจนพลเมืองของตัวเองออกจากซูดานอย่างเร่งด่วน ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
ทำเนียบขาวสหรัฐฯแถลง ยืนยันว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งการให้กองทัพดำเนินการอพยพเจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันออกจากสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงคาร์ทูมแล้ว พร้อมทั้งสั่งยุติภารกิจทั้งหมดของสถานทูตเป็นการชั่วคราว หลังจากที่สถานการณ์สู้รบในซูดานทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการออกคำสั่งให้อพยพพลเรือนชาวอเมริกันที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ขณะที่กองทัพซาอุดีอาระเบียก็ได้ส่งเรือหลวงมาอพยพพลเมืองซาอุฯและพลเมืองต่างชาติอื่นๆออกจากซูดาน ก่อนมุ่งหน้าสู่ท่าเรือที่เมืองเจดดาห์ของซาอุฯ
ทั้งนี้ ทางการซาอุดีอาระเบียยืนยันว่า พวกเขาจะดำเนินมาตรการอพยพพลเมืองของตัวเอง รวมถึงชาวต่างชาติบางส่วนเฉพาะรายที่สมัครใจจะเดินทางออกจากซูดานเท่านั้น