จับตานโยบายต่อรัสเซีย หลังพรรคฝ่ายขวาชนะเลือกตั้งอิตาลี
อิตาลีกำลังจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ และจะมีรัฐบาลที่เป็นการรวมตัวกันของพรรคฝ่ายขวาและฝ่ายขวาจัด จึงทำให้มีการจับตามองว่า นโยบายที่มีต่อรัสเซีย จะเปลี่ยนแปลงไปด้วยหรือไม่
จอร์เจีย เมโลนี ผู้นำพรรคขวาจัด Brothers of Italy กำลังจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของอิตาลีแล้ว หลังผลเอ็กซิตโพลเผยว่า พรรคของเธอได้ที่นั่งมากสุดร้อยละ 26 ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ส่วนพรรคพันธมิตรของเธอ คือ พรรค League ของมัตเตโอ ซัลบินี และพรรค Forward Italy ของอดีตนายกรัฐมนตรีซิลบิโอ แบร์ลุสโคนี ได้ที่นั่งร้อยละ 8.7 และ 8.2 ตามลำดับ ซึ่งหากรวมกันสามพรรค จะได้ที่นั่งเพียงพอสำหรับการมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
เมโลนีแถลงข่าวว่า “หากมีเสียงเรียกร้องให้เราปกครองประเทศนี้ เราก็จะทำเช่นนั้นเพื่อชาวอิตาเลียนทุกคน ด้วยเป้าหมายเพื่อสร้างเอกภาพ และทำให้เกิดความภาคภูมิใจที่ได้เป็นชาวอิตาเลียน และโบงธงชาติอิตาลี ในเมื่อคุณเลือกเรา เราก็จะไม่ทรยศคุณ”
ทั้งนี้ พรรคฝั่งตรงข้าม Democratic Party ซึ่งล้มเหลวในการรวมพรรคสายกลางและฝ่ายซ้ายอื่น ๆ คาดว่าจะได้ที่นั่งร้อยละ 18.3
สำหรับพรรคของเมโลนีนั้น ถือว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จากเดิมที่ตัวเลขการสนับสนุนจากประชาชนนั้นอยู่ในหลักเดี่ยวในปี 2018 แต่ด้วยความที่การเมืองอิตาลีไม่มีเสถียรภาพมากว่า 11 ปีแล้ว และมีมากถึง 7 รัฐบาล ทำให้ผู้คนเริ่มเหนื่อยหน่าย และมองว่าเมโลนี เป็นตัวเลือกเดียวที่ยังเหลืออยู่ ที่ยังไม่ได้โอกาส
เมโลนี ยังมีชื่อเสียงมากขึ้น จากการที่เธอไม่สนับสนุนรัฐบาลของนายมาริโอ ดรากี และตอนนี้เธอกำลังจะเป็นผู้นำคนแรกของประเทศที่มาจากฝ่ายขวาจัด นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ขณะที่นโยบายที่เธอหาเสียงไว้ คือ การลดภาษี การใช้มาตรการปิดกั้นทางทะเลเพื่อยับยั้งคลื่อนผู้อพยพ และการชูให้ผลประโยชน์ออกชาวอิตาลีอยู่เหนือสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ แต่รัฐบาลชุดใหม่จะจัดตั้งได้ไม่เกินกลางเดือนพฤศจิกายน
อย่างไรก็ตาม การที่เมโลนีชนะการเลือกตั้ง ทำให้มีการจับตานโยบายต่อรัสเซียของอิตาลีว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
ในปี 2018 ที่ประธานาธิบวลาดิเมียร์ ปูติน ชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 4 บรรดาผู้นำพรรคฝ่ายขวาบางคนของอิตาลีต่างเร่งแสดงความยินดีต่อปูติน รวมถึงเมโลนี ที่โพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ของเธอว่า “เจตนารมณ์ของชาวรัสเซียในการเลือกตั้งนั้นชัดเจน”
โพสต์ดังกล่าวของเธอในอดีต ทำให้เกิดกระแสในสังคมออนไลน์อีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ เพราะพรรคพันธมิตรของว่าที่รัฐบาลชุดใหม่นั้น ล้วนมีอดีตที่มีสายสัมพันธ์ฉันมิตรกับรัสเซียทั้งนั้น จึงทำให้เกิดความกังวลว่า รัฐบาลชุดใหม่ของอิตาลี อาจกลับมาใกล้ชิดกับรัสเซียมากขึ้น ในช่วงเวลาที่ยุโรปกำลังทำทุกวิถีทางในการกดดันรัสเซียให้ยุติสงครามในยูเครน
เอ็นริโค เล็ตตา ผู้นำพรรคฝ่ายซ้ายกลาง Democratic Party ซึ่งชูนโยบายของตนเองว่าอิตาลีจะอยู่ในใจของยุโรป เตือนว่า ในเวทีระหว่างประเทศ คนที่ยินดีที่เมโลนีชนะการเลือกตั้ง เห็นทีจะเป็น โดนัลด์ ทรัมป์ วลาดิเมียร์ ปูติน และในยุโรป ก็คงเป็นวิกเตอร์ ออร์บาน
ที่ผ่านมา เมโลนี พยายามคลายความกังวลของยุโรป ด้วยการประณามปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างอิตาลีกับอียูและนาโตจะยังคงแน่นแฟ้น และเธอแสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะสนับสนุนยูเครนต่อไป
พรรค Brothers of Italy ของเมโลนี พยายามที่จะมุ่งสู่ความเป็นกระแสหลัก หรือ mainstream ทั้งในการการเมืองและวัฒนธรรมมากขึ้น แต่บรรดานักวิจารณ์มองไปถึงต้นกำหนดของพรรค ซึ่งย้อนไปถึงการก่อตั้ง Italian Social Movement หลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยกลุ่มผู้สนับสนุนเบนิโต มุสโสลินี ผู้ก่อตั้งพรรค National Fascist
ขณะที่พรรค Brothers of Italy ได้สัญลักษณ์นีโอ-ฟาสซิสต์ และยังมีพันธมิตรเป็นทายาทของมุสโสลินี โดยเหลนของมุสโสลินี เป็นผู้สมัครของพรรคชิงที่นั่งในรัฐสภายุโรปเมื่อปี 2019
—จับตานโยบายของอิตาลีที่มีต่อรัสเซีย—
นอกจากนี้ ซัลบินี ผู้นำพรรค League พันธมิตรของเมโลนี ยังถูกกล่าวหาว่ารับความช่วยเหลือทางการเงินอย่างผิดกฎหมายจากรัฐบาลรัสเซีย ส่วนแบร์ลุสโคนีนั้น เป็นเพื่อนของปูติน และผู้นำทั้งสอง มักไปเยือนบ้านพักฤดูร้อนซึ่งกันและกัน
ในเดือนกรกฎาคม ที่รัฐบาลของนายดรากีล่มสลาย รัฐมนตรีต่างประเทศของอิตาลีในเวลานั้น กล่าวหาว่า ผู้นำรัสเซียกำลังทำงานเพื่อทำให้อิตาลีและยุโรปไร้เสถียรภาพ
ขณะที่สื่ออิตาลีรายการงานว่า พรรคของซัลบินีและแบร์ลุสโคนี ติดต่อสื่อสารกับสถานทูตรัสเซียในกรุงโรม หลังจากนั้น ทั้งสองพรรคก็ถอนตัวจากรัฐบาลของนายดรากี จนทำให้รัฐบาลล่มสลาย จึงทำให้มีการกล่าวหาว่า รัสเซียแทรกแซงการเมืองอิตาลี แต่แน่นอนว่า สองพรรคของอิตาลีปฏิเสธข้อกล่าวหานี้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ระบุกับ Al Jazeera ว่า แม้รัสเซียจะยินดีกับการที่รัฐบาลของนายดรากีล่มสลายไป และแม้พรรคฝ่ายของของอิตาลีในอดีต จะนิยมชมชอบรัสเซียในบางจุดยืน เช่น เรื่องอธิปไตยของชาติ
แต่บรรยากาศทางการเมืองในปัจจุบันนั้นแตกต่างจากอดีต การที่รัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครน จึงทำให้การเปลี่ยนนโยบายหันเข้าหารัสเซียนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม