อิสราเอล เอาคืนถล่มซีเรีย หลังถูกดามัสกัสระดมยิงจรวดใส่ที่ราบสูงโกลัน
Burapanews สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า อิสราเอลส่งเครื่องบินรบออกปฏิบัติการ ควบคู่กับการถล่มด้วยปืนใหญ่และโดรน ใส่เป้าหมายทางทหารแห่งต่างๆ ของซีเรียในวันอาทิตย์ (9 เม.ย.) ทั้งนี้ ตามการแถลงของฝ่ายทหารรัฐยิวซึ่งอ้างว่าเพื่อตอบโต้ภายหลังมีจรวดหลายลูกยิงมาจากซีเรียและตกลงในที่ราบสูงโกลันอันเป็นเขตยึดครองของอิสราเอล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคราวนี้ทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางทำท่าตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นอีก หลังเกิดความรุนแรงขึ้นหลายจุดอยู่แล้วระหว่างช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
สื่อของรัฐในซีเรียรายงานว่า เกิดการระเบิดขึ้นหลายจุดในบริเวณรอบนอกของเมืองหลวงดามัสกัส ขณะที่อิสราเอลแถลงว่ากองกำลังของฝ่ายตนยังคงโจมตีใสดินแดนซีเรียอย่างต่อเนื่อง หลังจากเมื่อคืนวันเสาร์ (8) มีจรวด 6 ลูก ถูกยิงจากซีเรียข้ามมายังที่ราบสูงโกลัน
อิสราเอลบอกว่า ปืนใหญ่และโดรนของฝ่ายตนโจมตีถูกเครื่องยิงจรวดในซีเรียที่เป็นตัวการยิงใส่ที่ราบสูงโกลัน แล้วฝ่ายตนยังส่งเครื่องบินรบโจมตีทางอากาศเล่นงานทั้งกลุ่มอาคารทางทหาร ระบบเรดาร์ทางทหาร และที่มั่นด้านปืนใหญ่ของฝ่ายซีเรีย
ฝ่ายทหารอิสราเอล “เห็นว่ารัฐซีเรียคือผู้รับผิดชอบกิจกรรมทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นภายในดินแดนของพวกเขา และจะไม่ยินยอมให้มีความพยายามใดๆ ที่เป็นการละเมิดอธิปไตยของอิสราเอล” กองทัพอิสราเอลระบุในคำแถลง
ด้านกระทรวงกลาโหมซีเรียบอกว่า กำลังป้องกันภัยทางอากาศของตนได้ตอบโต้การโจมตีของอิสราเอล และสามารถสกัดกั้นขีปนาวุธอิสราเอลได้บางส่วน พร้อมระบุว่าไม่มีรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บล้มตาย โดยการโจมตีของฝ่ายรัฐยิวสร้างความเสียหายทางวัตถุเท่านั้น
ฝ่ายอิสราเอลก็บอกว่า จรวด 6 ลูกซึ่งยิงจากซีเรียในคืนวันเสาร์ ไม่ได้ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายหรือสร้างความเสียหายใดๆ โดยมีอย่างน้อย 1 ลูกถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอลสกัด และมี 2 ลูกตกในที่ราบสูงโกลัน
ทั้งนี้ ที่ราบสูงโกลันซึ่งมีพื้นที่ราว 1,200 ตารางกิโลเมตร และติดต่อกับเขตแดนของเลบานอนด้วยนั้น อิสราเอลยึดมาจากซีเรียในสงครามตะวันออกกลางเมื่อปี 1967 และประกาศผนวกเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนมาตั้งแต่ปี 1981ทว่าประชาคมระหว่างประเทศส่วนใหญ่ไม่ให้การรับรอง
สถานการณ์รุนแรงคราวนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เป็นเทศกาลรอมฎอนของชาวมุสลิม เทศกาลปัสกาของชาวยิว และเทศกาลอีสเตอร์ของชาวคริสต์
ย้อนหลังกลับไปเมื่อวันพุธ (5) ตำรวจอิสราเอลได้บุกเข้าไปในมัสยิดอัล-อักซอ ในนครเยรูซาเลม ซึ่งถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดลำดับที่ 3 ของศาสนาอิสลาม ในช่วงก่อนฟ้าสางเพื่อขับไล่กลุ่มหัวรุนแรงที่ขังตัวเองอยู่ภายในมัสยิด สร้างความไม่พอใจอย่างมากในโลกอาหรับ
วันต่อมา จรวดกว่า 30 ลูกถูกระดมยิงจากเลบานอนเข้าสู่อิสราเอล ซึ่งกองทัพอิสราเอลระบุว่า เป็นฝีมือกลุ่มปาเลสไตน์ และมีแนวโน้มมากที่สุดว่าเป็นกลุ่มฮามาสที่ปกครองฉนวนกาซาในขณะนี้
ด้วยเหตุนี้อิสราเอลจึงทิ้งระเบิดใส่กาซาและพื้นที่ทางใต้ของเลบานอน โดยอ้างว่ามีเป้าหมายที่โครงสร้างพื้นฐานในการก่อการร้ายของฮามาส
เหตุการณ์นี้นับเป็นการโจมตีอิสราเอลจากเลบานอนครั้งใหญ่ที่สุดนับจากสงคราม 34 วันในปี 2006 ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ที่อิหร่านให้การสนับสนุน และก็ถือเป็นครั้งแรกนับจากเดือนเมษายน 2022 ที่อิสราเอลยืนยันว่าโจมตีดินแดนเลบานอน
ทั้งนี้ อิสราเอลและเลบานอนยังคงอยู่ในภาวะสงคราม โดยมีกองกำลังชั่วคราวของสหประชาชาติในเลบานอนลาดตระเวนเขตหยุดยิงที่อยู่ทางใต้ของเลบานอน
นอกจากนั้นก่อนหน้านี้อิสราเอลยังระดมบุกที่มั่นของกลุ่มโปรอิหร่านในซีเรีย
ในอีกด้านหนึ่ง ก็เกิดเหตุรุนแรงขึ้นมาหลายครั้งในอิสราเอล โดยคืนวันศุกร์ (7) นักท่องเที่ยวอิตาลีคนหนึ่งเสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 7 คนในเหตุการณ์ที่รถต้องสงสัยคันหนึ่งพุ่งชนคนเดินบนชายหาดในกรุงเทลอาวีฟ
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ตอบโต้ด้วยการสั่งให้ตำรวจระดมกองหนุนหน่วยตำรวจตระเวนชายแดนทั้งหมด และสั่งให้กองทัพระดมทหารเพิ่ม
ก่อนหน้านั้นในช่วงกลางวันของวันศุกร์ สองพี่น้องที่เป็นเด็กสาวลูกครึ่งอังกฤษ-อิสราเอลวัย 16 และ 20 ปีเสียชีวิต และผู้เป็นแม่บาดเจ็บสาหัสเมื่อรถยนต์ของทั้งสามไฟไหม้ในจอร์แดนแวลลีย์ ในเขตเวสต์แบงก์ ซึ่งเป็นดินแดนปาเลสไตน์ซึ่งอยู่ในความยึดครองของอิสราเอล
สำนักงานตำรวจอิสราเอลเผยว่า จะส่งกองหนุนตำรวจตระเวนชายแดน 3 กองพันไปดูแลสถานการณ์ในย่านศูนย์กลางเมืองนับตั้งแต่วันอาทิตย์
ด้านกระทรวงกลาโหมอิสราเอลยืนยันเมื่อคืนวันเสาร์ว่า ส่งทหารไปสนับสนุนปฏิบัติการของตำรวจ และจะมีการบังคับใช้ข้อจำกัดการเดินทางเข้าประเทศของชาวอิสราเอลจากเวสต์แบงก์และกาซาเข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะแรงงานปาเลสไตน์
นับจากต้นเดือนมกราคม ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 92 คน อิสราเอล 18 คน อิตาลีและยูเครนประเทศละ 1 คน
ตัวเลขเหล่านี้รวมถึงในฝั่งปาเลสไตน์ที่มีทั้งนักรบ พลเรือน และเด็ก ขณะที่ของทางฝั่งอิสราเอลส่วนใหญ่เป็นพลเรือนที่รวมถึงเด็ก และชนกลุ่มน้อยเชื้อสายอาหรับ 3 คน