วันนี้ (8 ก.ย.) ที่ห้องนารี 2 ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายมุน ซึง-ฮย็อน (H.E. Mr. Moon Seoung-hyun) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เนื่องในโอกาสเข้ารับหน้าที่
.
โดยนายอนุทิน กล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ประจำประเทศไทย พร้อมทั้งชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งสองได้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกัน และกันเป็นอย่างดี
.
โดยรองนายกรัฐมนตรีขอบคุณรัฐบาลเกาหลีใต้สำหรับการสนับสนุนวัคซีนโควิด-19 แก่ไทย เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาด อย่างไรก็ดี รองนายกฯ เห็นว่า ท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทายต่าง ๆ ที่ยังคงเกิดขึ้นในโลก ทั้งสองฝ่ายควรเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือด้านสาธารณสุข การศึกษา และพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นต้น
.
ด้านเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ขอบคุณรองนายกฯ ที่สละเวลาให้เข้าเยี่ยมคารวะในวันนี้ ชื่นชมการดำเนินมาตรการอย่างมีประสิทธิภาพของรัฐบาลไทยในการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งประสบความสำเร็จ ทำให้ธุรกิจหลายภาคส่วนยังคงสามารถประกอบการต่อไปได้ ตลอดจนเห็นพ้องกับรองนายกฯ ในการเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะความร่วมมือด้านสาธารณสุข ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพ อีกทั้งไทยยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานเลขาธิการศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข และโรคอุบัติใหม่ (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases: ACPHEED)
.
โอกาสนี้ ทั้งสองได้หารือเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ดังนี้ ความร่วมมือด้านการค้า และการลงทุน รองนายกฯ ยินดีที่นักลงทุนชาวเกาหลีใต้ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย และมีการขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง
.
โดยเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้กล่าวว่า นักลงทุนชาวเกาหลีใต้เชื่อมั่น และสนใจเพิ่มพูนการลงทุนในไทยในสาขาที่เกาหลีใต้มีความเชี่ยวชาญ อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เทคโนโลยีชีวภาพ และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้นักลงทุนชาวเกาหลีใต้เพิ่มพูนการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในสาขาที่สอดคล้องกับความต้องการของทั้งสองฝ่าย ซึ่งเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ได้มีโอกาสเยี่ยมชมเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) และยินดีผลักดันให้มีการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวมากขึ้น
.
ความร่วมมือด้านสาธารณสุข ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเพิ่มพูนความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะการศึกษา และพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ระหว่างกัน ผ่านการฝึกอบรมระดับโลกสำหรับการผลิตทางชีวภาพ (Global Training Hub for Biomanufacturing) เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ได้เชิญรองนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุม World Bio Summit 2022 ณ กรุงโซล ซึ่งจะเป็นโอกาสในการเพิ่มพูนความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกันมากขึ้น และเป็นโอกาสในการหารือร่วมกันเพื่อผลักดันการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกันให้เป็นรูปธรรม
.
สำหรับความร่วมมือด้านสังคม วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว รองนายกฯ ยินดีที่ไทย และเกาหลีใต้มีความสัมพันธ์ในระดับประชาชนที่ใกล้ชิด ประชาชนของทั้งสองฝ่ายมีความชื่นชอบวัฒนธรรมของกัน และกัน รวมทั้งมีการเดินทางในระดับประชาชนระหว่างกันจำนวนมาก ด้านเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ชื่นชมประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ โดยมีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้เดินทางมายังประเทศไทยในช่วงก่อนการแพร่ระบาดกว่า 2 ล้านคน และยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากการบริหารจัดการทางด้านสาธารณสุขที่ดี ระบบการดูแลผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพ ทำให้นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย
——————————-
แหล่งข่าว
https://www.thaipost.net/general-news/217071/