เซอร์เบียสั่งให้กองกำลังความมั่นคงตามแนวชายแดนติดกับโคโซโว อยู่ใน “สถานะพร้อมรบเต็มขั้น” จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ กับเพื่อนบ้าน แม้มีเสียงเรียกร้องจากสหภาพยุโรปและนาโต้ ที่ขอให้ 2 อริศัตรูสมัยสงครามหาทางคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างกัน
.
“ประธานาธิบดีเซอร์เบีย สั่งให้กองทัพเซอร์เบียอยู่ในความพร้อมสู้รบระดับสูงสุด นี่คือระดับของการใช้กำลังทหาร” มิลอส วูเซวิช รัฐมนตรีกลาโหมเซอร์เบียระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ (26 ธ.ค.)
.
เขาบอกว่าประธานาธิบดีอเล็กซานดาร์ วูซิซ ยังได้ออกคำสั่งให้เสริมกำลังพลของกองกำลังพิเศษ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 1,500 นาย เป็น 5,000 นาย
.
บราติสลาฟ กาซิซ รัฐมนตรีมหาดไทยของเซอร์เบีย เสริมว่าได้สั่งให้ตำรวจและหน่วยความมั่นคงอื่นๆ “อยู่ในสถานะพร้อมรบเต็มขั้น” เช่นกัน และกำหนดให้พวกเขาอยู่ใช้การบัญชาการของเสนาธิการกองทัพ ตาม “แผนปฏิบัติการของพวกเขา”
.
กาซิซ ระบุในถ้อยแถลงด้วยว่าความเคลื่อนไหวของเขาเป็นไปตามคำสั่งของประธานาธิบดีวูซิซ เพื่อที่ “ทุกมาตรการจะถูกนำมาใช้เพื่อปกป้องประชาชนเซอร์เบียในคอวอซอ”
.
คำสั่งของประธานาธิบดีวูซิซ มีขึ้นหลังจาก พล.อ.มิลาน มอจซิโลวิช ผู้บัญชาการกองทัพเซอร์เบีย ถูกส่งไปยังพื้นที่ชายแดนติดกับโคโซโวในวันอาทิตย์ (25 ธ.ค.) แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าคำสั่งใหม่นี้จะมีความหมายอย่างไรตามแนวชายแดน เนื่องจากที่ผ่านมา กองกำลังเซอร์เบียก็อยู่ในสถานะตื่นตัวมาพักใหญ่แล้ว
.
ทางเหนือของโคโซโวตกอยู่ในภาวะล่อแหลมมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ครั้งที่แรงงานชนเชื้อชาติเซอร์เบียหลายร้อยคนที่ฝังตัวอยู่ในตำรวจโคโซโว เช่นเดียวกับสายงานยุติธรรม เช่น ผู้พิพากษาและอัยการ ทำการผละงานประท้วงต่อการตัดสินในอันเป็นที่ถกเถียงของทางการโคโซโว ซึ่งห้ามชาวเซิร์บที่ใช้ชีวิตในโคโซโว จากการใช้ทะเบียนรถที่ออกโดยเบลเกรด
.
เซอร์เบีย ซึ่งไม่ยอมรับการประกาศเอกราชของโคโซโวในปี 2008 มักสำแดงแสนยานุภาพทางทหารและขู่ใช้กำลังกับอดีตจังหวัดหนึ่งของตนเองแห่งนี้ ขณะที่ความตึงเครียดที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องระหว่าง 2 ฝ่าย กลายเป็นจุดล่อแหลมที่ตะวันตกพยายามเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยหาทางออก แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ
.
ในวันจันทร์ (26 ธ.ค.) กองกำลังรักษาสันติภาพที่นำโดยนาโต้ บอกว่าพวกเขากำลังสืบสวนเหตุยิงกันเหตุการณ์หนึ่งในภูมิภาคทางเหนือของโคโซโว และเรียกร้องขอความสงบ แต่ทางเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของเซอร์เบีย ได้เคลื่อนไหวตรวจเยี่ยมกำลังพลตามแนวชายแดน แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการเปิดศึก
.
เหตยิงกันเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ (25 ธ.ค.) ในเมืองซูบิน โปต็อค เมืองที่คนท้องถิ่นเชื้อสายเซอร์เบีย ทำการปิดกั้นถนนมานานกว่า 2 สัปดาห์ และเต็มไปด้วยสถานการณ์ความตึงเครียด
.
กองกำลังรักษาสันติภาพ ที่เรียกว่า KFOR เผยว่าเหตุยิงกันเกิดขึ้นใกล้กับหน่วยลาดตระเวนหนึ่งของพวกเขา แต่ไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใคร ถ้อยแถลงระบุว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และ “เรากำลังทำงานหาสรุปหาข้อเท็จจริงทั้งหมด”
.
มันเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องหลีกเลี่ยงโวหารหรือการกระทำต่างๆ ที่อาจก่อความตึงเครียด และทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย” KFOR ระบุในถ้อยแถลง “เราคาดหวังว่าทุกตัวแสดงจะอดทนอดกลั้นจากสำแดงกำลังยั่วยุใดๆ และหาหนทางที่ดีที่สุด เพื่อรับประกันความปลอดภัยและความมั่นคงแก่ทุกชุมชน”
.
ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างเซอร์เบียและโคโซโวมีมากขึ้น นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเปิดฉากสงครามในยูเครน ทางสหรัฐฯ และบรรดาชาติอียูส่วนใหญ่ให้การรับรองเอกราชโคโซโว ส่วนทาง เซอร์เบีย พึ่งพิงรัสเซียและจีน ในความพยายามสงวนไว้ซึ่งคำกล่าวอ้างที่ว่า โคโซโว เป็นจังหวัดหนึ่งของพวกเขา
.
สถานการณ์ความตึงเครียดโหมกระพือขึ้นจากหลายประเด็น ท่ามกลางความพยายามของนานาชาติที่ยกระดับประสานงานไกล่เกลี่ย ในนั้นรวมถึงประเด็นเมื่อเร็วๆ นี้ ชนเชื้อสายเซิร์บทางภาคเหนือทำการปิดกั้นท้องถนนสายต่างๆ เพื่อประท้วงเหตุจับกุมอดีตตำรวจเชื้อสายเซอร์เบีย
.
รัฐบาลโคโซโว เรียกร้องให้กองกำลังนาโต้ ซึ่งถูกส่งเข้าประจำการในปี 1999 หลังนาโต้ทิ้งบอมบ์เซอร์เบียขับไล่ให้ออกจากโคโซโว เข้ารื้อถอนสิ่งกีดขวางถนนของพวกผู้ประท้วงเซอร์เบีย ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีโคโซโว ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาสันติภาพ KFOR และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอียู พบปะกันในวันจันทร์ (26 ธ.ค.) เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
.
ในส่วนของเซอร์เบีย ได้ขอให้ KFOR ส่งกองกำลังสูงสุด 1,000 นายเข้าประจำการบริเวณทางเหนือของโคโซโว ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของพลเมืองเซิร์บ เพื่อปกป้องชาวเซิร์บในโคโซโว จากการถูกรังควานโดยชนเชื้อสายแอลเบเนีย ซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ในโคโซโว อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้คำร้องขอดังกล่าวยังไม่ได้รับการเห็นชอบ