ผู้นำกลุ่มจี 20 ออกแถลงการณ์ประณามรัสเซียรุกรานยูเครน

Related posts

ไบเดน ชี้ สหรัฐฯ ไม่สนับสนุนอิสราเอลโจมตีโรงงานนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้อิหร่าน

ตุลาคม 3, 2024

กระทรวงการต่างประเทศเตือน! คนไทย หากไม่จำเป็นขอให้เดินทางออกจากอิสราเอล

ตุลาคม 2, 2024

ผู้นำกลุ่มจี 20 ออกแถลงการณ์ประณามรัสเซียรุกรานยูเครน

Burapanews  สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ผู้นำกลุ่ม G20 ออกแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจ ‘อย่างรุนแรงที่สุด’ ต่อการรุกรานยูเครนของรัสเซีย โดยแถลงการณ์ดังกล่าวได้รับการรับรองจากชาติสมาชิกส่วนใหญ่ในวันนี้ (16 พฤศจิกายน) ซึ่งเป็นวันที่ 2 และวันสุดท้ายของการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย ขณะที่รัสเซียยังไม่มีการออกแถลงการณ์ตอบโต้



เนื้อหาแถลงการณ์ดังกล่าวเน้นย้ำถึงการเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมชี้ว่าการขู่คุกคามด้วยการใช้อาวุธนิวเคลียร์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ ขณะเดียวกันยังแสดงความยินดีต่อการทำข้อตกลงระหว่างรัสเซียและยูเครน เพื่อเปิดทางในการส่งออกธัญพืชจากทะเลดำ



“สมาชิกหลายคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดจากความขัดแย้งในโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพที่สำคัญ รวมถึงการบาดเจ็บล้มตายของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งส่งผลกระทบอย่างไม่เหมาะสมต่อกลุ่มผู้ที่เปราะบางที่สุด ทั้งผู้หญิงและเด็ก”



แถลงการณ์ของผู้นำ G20 ยังระบุว่า สงครามในยูเครนนั้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก พร้อมทั้งระบุว่าธนาคารกลางของประเทศสมาชิก G20 จะปรับการดำเนินนโยบายด้านการเงินให้เข้มงวดขึ้น



ก่อนหน้านี้ เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้แทนเข้าร่วมการประชุมแทนประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ประณามท่าทีของผู้นำชาติตะวันตกว่ากำลังเล่นเกมการเมืองในการประชุม G20



ขณะที่ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งเข้าร่วมการประชุมด้วย กล่าวเตือนว่า “จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหลีกเลี่ยงการขยายความรุนแรงของสงครามในยูเครน”



ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเกิดเหตุขีปนาวุธตกในโปแลนด์ ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าเป็นขีปนาวุธจากรัสเซียหรือไม่ โดยสหรัฐฯ และ NATO กำลังเร่งดำเนินการสืบสวน ก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการใดๆ ที่อาจเป็นการขยายความขัดแย้ง เนื่องจากโปแลนด์ถือเป็นหนึ่งในสมาชิก NATO



ทั้งนี้ นอกจากประเด็นรัสเซีย ผู้นำ G20 ยังเห็นพ้องให้เดินหน้าความพยายามเพื่อจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไว้ที่ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส และเร่งรัดความพยายามในการปรับลดการใช้ถ่านหินของประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง