รัสเซียแฉอิสราเอล ร่วมมือกองกำลังหัวรุนแรงเลบานอน ปลิดชีพหมู่ชาวปาเลสไตน์ดับ 3500 ราย
Burapanews สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รัสเซียได้ออกมาเผยแพร่เอกสารลับสุดยอดของมอสสาด (Mossad) หน่วยงานสืบราชการลับของอิสราเอล ผ่านสื่อระบุว่า อาชญากรรมสงครามที่เกิดขึ้นต่อชาวปาเลสไตน์ในเลบานอนจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป เอกสารยังระบุถึงแผนการสมรู้ร่วมคิดของรัฐบาลอิสราเอลในเวลานั้น ร่วมมือกับกองกำลังติดอาวุธขวาจัดหัวรุนแรงเลบานอน ปฏิบัติการปลิดชีวิตชาวปาเลสไตน์ลี้ภัยจำนวนนับพัน เรื่องนี้เมื่อตกมาอยู่ในมือของรัสเซียจะเป็นด้วยวิธีใดก็ตาม โลกจึงได้รับรู้ถึงความโหดร้ายที่ดำเนินอยู่ต่อเนื่องอย่างมีแผนการของอิสราเอลและพวกต่อประชาชนชาวปาเลสไตน์
สำนักข่าวสปุตนิก sputnik รายงานว่า การปลิดชีพหมู่ในปี 1982 ถูกเผยแพร่โดยสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ต่อหน่วยงานภายใน เปิดเผยความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างหน่วยสืบราชการลับมอสสาด (Mossad) ของอิสราเอลกับกลุ่มขวาจัดหัวรุนแรงเลบานอนที่รับผิดชอบการปลิดชีพหมู่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์นับพันคน
เอกสารนี้เป็นบัญชีของช่วงปี 1981-1982 รวมถึงการวางแผนและการดำเนินการของการรุกรานของอิสราเอลในเลบานอน เดือนมิถุนายน 1982 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อขับไล่องค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ หรือ PLO ออกจากประเทศและชูหุ่นเชิดผู้นำคริสเตียนที่ฝักใฝ่ฝ่ายอิสราเอลขึ้นในกรุงเบรุต
ในปี 2020 ศาลสูงของอิสราเอลขอข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างมอสสาด หน่วยงานจารกรรมของอิสราเอล และกองทหารอาสาสมัครชาวคริสต์ในเลบานอนที่รับผิดชอบการปลิดชีพหมู่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ สำนักนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น ได้ยื่นคำร้องต่อศาลว่าได้ขอเอกสารจากมอสสาดและอ้างว่าหาไม่พบ
การปลิดชีพอย่างโหดเหี้ยมต่อชาวปาเลสไตน์โดยกลุ่มหัวรุนแรงเลบานอนมีจำนวน 460 ถึง 3500 คนในย่านซาบราของเบรุต และค่ายผู้ลี้ภัยที่อยู่ใกล้เคียงเมื่อวันที่ 16-18 กันยายน 1982 ดำเนินการโดยกองกำลังติดอาวุธของกองกำลังเลบานอน ฝ่ายทหารของพรรคขวาจัด หรือที่เรียกว่า ฟาลังจิสต์(Phalangists) ซึ่งมาจากชุมชนมาโรไนท์คริสเตียน (Maronite Christian) ของเลบานอน
ความร่วมมือของอิสราเอลในนามกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล หรือ ไอดีเอฟ(IDF:The Israel Defense Forces) กับ เลบานอนฟอร์ซหรือแอลเอฟ (LF:Lebanese Forces) เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว เมื่อเปิดฉากการรุกรานในปี 1982 อิสราเอลได้รุกคืบไปยังเขตชานเมืองของเบรุต จนกระทั่งกองกำลังแอลเอฟบุกเข้าเมืองและยึดอำนาจ
หลังจากนั้น บาเชียร์ เกมาเยล(Bachir Gemayel) เป็นหุ้นส่วนสำคัญของอิสราเอลกลายเป็นนายกรัฐมนตรีของเลบานอน อิสราเอลสนับสนุน เขาในการต่อต้าน PLO มาโดยตลอด สงครามเดือดครั้งนั้นทำให้ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนต้องหลบหนีหลังจากการถูกไล่ล่าของอิสราเอลและปฏิเสธสิทธิที่จะกลับบ้านเกิดนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ตามเอกสาร IDFของอิสราเอล ยังคงควบคุมเลบานอนฟอร์ซมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เป็นฝ่ายกำหนดการเคลื่อนไหวระหว่างความขัดแย้งและแนวทางนโยบายหลังจากเข้ายึดอำนาจ
นอกจากนี้เอกสารยังเปิดเผยว่า อิสราเอล และกลุ่มหัวรุนแรงคริสต์ในเลบานอนร่วมกันวางแผนเตรียมทำสงครามมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว
เอกสารระบุว่า “มันเป็นสงครามที่อิสราเอลวางแผนไว้มากที่สุด” “การเตรียมการได้เริ่มขึ้นในกลางปี 1981 ในเดือนมกราคมปี 1982 นายพลและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอิสราเอล แอเรียล ชารอน(Ariel Sharon) ได้พบกับผู้นำของกลุ่มคริสเตียนเลบานอน (Christian/LF) และตกลงว่า ‘เรากำลังเริ่มทำสงครามเต็มรูปแบบและด้วยเหตุนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์เลบานอน-อิสราเอล”
สงครามครั้งนั้น เอกสารระบุรายละเอียดมากว่า อาวุธถูกลักลอบนำเข้าเลบานอนอย่างลับๆ ได้อย่างไร เนื้อหาแจกแจงว่าการจัดส่งอาวุธหนุนกองกำลังคริสเตรียนทำโดยการบรรทุกอาวุธจำนวนมากบนแพ กำหนดจัดส่งสองครั้งตอนกลางคืน
Mossad ส่งอาวุธสนับสนุนเป็นปืนไรเฟิล M-16 จำนวน 6000 กระบอกและกระสุน 6000 นัด ปืนครกขนาด 120 มม. 40 กระบอกพร้อมกระสุน 12000 นัด และปืนครกขนาด 81 มม. จำนวน 100 กระบอก พร้อมกระสุน 2000 นัดสำหรับการกวาดล้าง
ในเวลานั้นเมื่อนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เมนาเคม บีกินถูกสอบถาม เกี่ยวกับการปลิดชีพหมู่ชาวปาเลสไตน์ เขาปฏิเสธว่าอิสราเอลไม่เกี่ยว เป็น “โกยิมที่ฆ่าโกยิม” ซึ่งเป็นคำภาษาฮีบรูสำหรับผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิว อันที่จริง พวกเขาทำเช่นนั้นตามคำสั่งและการสนับสนุนของอิสราเอลโดยใช้อาวุธของอิสราเอล?
No Result
View All Result