เซเลนสกี ชี้ เหตุไฟดับทั่วภูมิภาคคาร์คิฟและโดเนตส์ก เนื่องจากผลของการโจมตีทางทหารของรัสเซีย

Related posts

ไบเดน ชี้ สหรัฐฯ ไม่สนับสนุนอิสราเอลโจมตีโรงงานนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้อิหร่าน

ตุลาคม 3, 2024

กระทรวงการต่างประเทศเตือน! คนไทย หากไม่จำเป็นขอให้เดินทางออกจากอิสราเอล

ตุลาคม 2, 2024

เซเลนสกี ชี้ เหตุไฟดับทั่วภูมิภาคคาร์คิฟและโดเนตส์ก เนื่องจากผลของการโจมตีทางทหารของรัสเซีย

Burapanews  สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า เกิดเหตุไฟดับทั่วทั้งภูมิภาคคาร์คิฟ และโดเนตสก์ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ และไฟดับบางส่วนในภูมิภาคซาโปริชเชีย ไนโปรเปทรอฟสก์ และซูมี ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ “ซึ่งเป็นผลจากการโจมตีทางทหารของรัสเซีย”

ขณะที่ นายโอเล็ก ซีเนกูบอฟ ผู้ว่าการภูมิภาคคาร์คิฟ กล่าวเสริมว่า นอกเหนือจากกระแสไฟฟ้าที่ดับเป็นวงกว้างแล้ว ระบบน้ำประปายังใช้การแทบไม่ได้แล้วเช่นกัน เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานหลักทั้งสองระบบได้รับความเสียหายอย่างหนักจากปฏิบัติการของกองทัพรัสเซีย

สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังกองทัพยูเครนรายงาน การกระชับพื้นที่คืนจากกองทัพรัสเซียได้มากกว่า 3,000 ตารางกิโลเมตร นับตั้งแต่ต้นเดือนนี้ รวมถึงเมืองบาลาคลิยา และเมืองอิซูม ในภูมิภาคคาร์คิฟ ที่กองทัพรัสเซียยืนยันการถอยร่นออกจากเมืองทั้งสองแห่ง เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยืนยันว่า “เป็นการจัดกำลังพลใหม่”

อย่างไรก็ตาม บริษัทอีเนอร์โกอะตอม ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานนิวเคลียร์ของยูเครน ประกาศ ปิดทำการเตาปฏิกรณ์ตัวสุดท้าย จากทั้งหมด 6 ตัว ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซาโปริชเชีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดทั้งในยูเครนและในยุโรป ตั้งอยู่ที่เมืองซาโปริชเชีย ริมแม่น้ำไนเปอร์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เนื่องจากความกังวลเรื่องการรั่วไหลของกัมมันตรังสี และการสู้รบด้านนอกโรงไฟฟ้าที่ยังคงรุนแรง

ทั้งนี้ ธนาคารโลก ( เวิลด์แบงก์ ) และคณะกรรมาธิการยุโรป ( อีซี ) ประเมินร่วมกันว่า งบประมาณเพื่อการฟื้นฟูยูเครน ซึ่งเสียหายอย่างหนัก นับตั้งแต่เข้าสู่สงครามเมื่อนานกว่า 6 เดือนที่แล้ว อยู่ที่อย่างน้อย 349,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 12.7 ล้านล้านบาท )

ดูข่าวจากต้นฉบับ Ukraine makes more gains, Zaporizhzhia nuclear plant at risk