ทางการจีนประกาศเตือน ‘ผลลัพธ์ร้ายแรง’ หากประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ตัดสินใจเยือนไต้หวัน
.
วันนี้ (27 กรกฎาคม) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ค่อยๆ กลับมาตึงเครียดอีกครั้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน โดยทางการจีนได้ออกมาประกาศเตือนเกี่ยวกับผลลัพธ์ร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น ถ้าหาก แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ตัดสินใจเยือนไต้หวันในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
.
กระแสข่าวลือดังกล่าว รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันที่ดูเหมือนจะแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น สร้างความไม่พอใจให้กับทางรัฐบาลจีนเป็นอย่างมาก เนื่องจากจีนมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน แม้ไต้หวันจะมีสิทธิในการปกครองตนเองก็ตาม โดยทางการจีนประกาศอาจต้องผนวกรวมไต้หวันโดยใช้กำลังขู่บังคับหากจำเป็น
.
การเดินทางเยือนไต้หวันของเพโลซี ไม่เพียงแต่ทำให้ทางการจีนเฝ้าจับตามอง ในขณะเดียวกันก็อาจสร้างความยากลำบากให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่น้อย ซึ่งกองทัพสหรัฐฯ รวมถึงทำเนียบขาว ต่างพยายามลดแรงจูงใจในการเดินทางเยือนไต้หวันของเพโลซี เพื่อไม่ให้สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนย่ำแย่ลงไปอีก
.
ส่วนหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่เพโลซีต้องการเดินทางเยือนไต้หวัน เป็นไปเพื่อต้องการสนับสนุนจุดยืนของไต้หวัน และกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสหรัฐฯ และไต้หวันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไปอีก โดยตลอดเส้นทางการเมืองของเพโลซี เธอวิพากษ์วิจารณ์ทางการจีนมาโดยตลอด โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ เธอยังเคยเดินทางไปพบกับกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยและเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน (1989) อีกด้วย
.
เดิมทีเธอมีกำหนดการจะเดินทางเยือนไต้หวันตั้งแต่ช่วงเมษายนที่ผ่านมา ก่อนที่จะต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากติดโควิด เบื้องต้นเธอปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับทริปเดินทางเยือนที่อาจจะเกิดขึ้นนี้ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญที่สหรัฐฯ รวมถึงประชาคมโลกต้องสนับสนุนไต้หวัน เพราะไต้หวันอาจตกอยู่ในภาวะเสี่ยงดังเช่นที่ยูเครนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ซึ่งหากเพโลซีเดินทางเยือนไต้หวันจริง เธอจะเป็นผู้นำระดับสูงสุดของสหรัฐฯ ที่ตัดสินใจเยือนเกาะแห่งนี้นับตั้งแต่ปี 1997
.
ทางการจีนระบุว่า สหรัฐฯ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบหากเกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงขึ้น ถ้าสหรัฐฯ ยืนยันที่จะเดินทางเยือนไต้หวัน ทางการจีนจะไม่ยอมนิ่งเฉย เราจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดจัดการกับการแทรกแซงจากภายนอกประเทศ และความพยายามในการจะประกาศเอกราชของไต้หวัน