ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ชี้ การยืนหยัด เป็นหนทางเดียวที่จะต่อสู้กับสงครามลูกผสมของสหรัฐได้
Burapanews สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2565 ว่า อยาตุลเลาะห์ ซัยยิดอาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน กล่าวระหว่างการพบปะกับนายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ระบุว่า อิหร่านและเวเนซุเอลาทั้งสองประเทศได้ยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่หนักหน่วงและสงครามแบบลูกผสมของสหรัฐฯ
ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ได้เน้นย้ำว่า “จากประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จของทั้งสองประเทศ แสดงให้เห็นว่า การยืนหยัด คือวิธีการเดียวในการเผชิญหน้ากับแรงกดดันต่างๆของสหรัฐฯ
อยาตอลเลาะห์ คาเมเนอี กล่าวว่า “จากประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จของทั้งสองประเทศ แสดงให้เห็นว่า การยืนหยัด คือวิธีการเดียวในการเผชิญหน้ากับแรงกดดันต่างๆของสหรัฐฯ
“การยืนหยัดของท่านประธานาธิบดีและประชาชนชาวเวเนซุเอลานั้น มีคุณค่าเป็นอย่างมาก เพราะว่า จะถือเป็นการยกระดับคุณค่า ความสูงส่งและความสามารถของประชาชาติหนึ่งใด ประเทศและผู้นำของประเทศนั้นๆด้วยเช่นกัน และในวันนี้ สหรัฐฯได้มองมายังเวเนซุเอลา ซึ่งมีความแตกต่างกับในอดีตที่ผ่านมา”
“สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้มีความก้าวหน้าและมีนวัตกรรมใหม่ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในหลายปีที่ผ่านมา””
“ก้าวอันยิ่งใหญ่เหล่านี้ได้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่ประเทศกำลังประสบกับการคว่ำบาตรที่หนักที่สุดและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งยังได้รับแรงกดดันต่างๆที่มีต่อประชาชาติอิหร่านอีกด้วย และพวกสหรัฐฯได้เรียกมันว่า “เป็นแรงกดดันอย่างมากที่สุด”
“การยืนหยัดของประชาชาติอิหร่านต่างหากที่เป็นเหตุให้นโยบายแรงกดดันอย่างมากที่สุดต้องพบกับความล้มเหลว โดยที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสหรัฐฯได้เรียกหลายครั้งด้วยกันว่า เป็นความล้มเหลวที่น่าอัปยศยิ่งนัก”
“ผลลัพธ์ที่เราสามารถจะได้รับจากการยืนหยัดและความสำเร็จของทั้งสองประเทศอิหร่านและเวเนซุเอลา กล่าวคือ วิธีการเดียวที่เป็นแนวทางการรักษาเยียวยาในการเผชิญหน้ากับแรงกดดันต่างๆ ก็คือ การยืนหยัดและควรที่จะให้ความร่วมมือกันและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านกับรัฐบาลของเวเนซุเอลาให้มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นและมีความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
อยาตอลเลาะห์ คาเมเนอี ยังแสดงการตอบรับการลงนามเอกสารความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ 20 ปี ระหว่างอิหร่านกับเวเนซุเอลา กล่าวว่า “จำเป็นที่จะต้องติดตามความร่วมมือในระยะยาวและข้อตกลงต่างๆก็จะบังเกิดผลในที่สุด”
ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ยังได้ชี้ให้เห็นว่า อิหร่านและเวเนซุเอลาได้ร่วมมือกันอย่างเป็นกันเอง โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ทั้งสองประเทศไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดแบบนี้มาก่อนกับประเทศใดๆก็ตาม และสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ได้แสดงให้เห็นว่า เมื่อใดก็ตามที่บรรดามิตรของเขาพบกับอันตราย เขาก็จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือในทันที”
ผู้นำสูงสุดแห่งการปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน ยังได้กล่าวยกย่องต่อจุดยืนของประธานาธิบดี มาดูโร ในการต่อต้านกับรัฐเถื่อนอิสราเอล กล่าวเสริมว่า “จุดยืนของท่านประธานาธิบดี เมื่อหลายครั้งที่ผ่านมาในการต่อต้านกับรัฐเถื่อนอิสราเอล ถือเป็นสิ่งที่ดีเป็นอย่างมากและยังเป็นความกล้าหาญอีกด้วย
“พวกท่านทั้งหลายได้ช่วยเหลือพวกเราในยามที่เวเนซุเอลาตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันเป็นอย่างมาก และไม่มีประเทศใดที่ให้การช่วยเหลือและพวกท่านก็ยังช่วยเหลือให้พวกเราผ่านพ้นวิกฤตไปได้ด้วยดี” ผู้นำสูงสุดอิหร่านกล่าว
ขณะเดียวกัน นายนิโคลัส มาดูโรประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ได้กล่าวอธิบายถึงสถานการณ์ที่คับขันทางเศรษฐกิจของประเทศของเขา เมื่อหลายปีที่ผ่านมา กล่าวเสริมว่า “ดั่งที่ ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวว่า พวกสหรัฐฯนั้นได้ก่อสงครามอย่างช้าๆทีละเล็กที่ละน้อยและในหลายมิติด้วยกัน ที่มีต่อประเทศของเรา แต่ทว่าเรานั้นสามารถที่จะยืนหยัดและใช้โอกาสในการคว่ำบาตรให้เป็นประโยชน์ ด้วยการเริ่มต้นจากการเผชิญหน้ากับการโจมตีทุกรูปแบบของสหรัฐฯและบัดนี้ สถานการณ์ของเวเนซุเอลานั้นดีขึ้นกว่าเมื่อหลายปีก่อนอีกด้วย”
ประธานาธิบดีมาดูโรแห่งเวเนซุเอลา ยังได้ชี้ให้เห็นถึงการเจรจาของเขาในกรุงเตหะรานและการลงนามเอกสารความร่วมมือ กล่าวเสริมว่า “เราได้วางยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างอิหร่านกับเวเนซุเอลาในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี”
ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า ประเทศของเขาถือว่า ประเด็นปาเลสไตน์ เป็นประเด็นที่ศักดิ์สิทธิ์ของมนุษยชาติ กล่าวว่า “ด้วยเหตุผลของความเชื่อนี้ รัฐเถื่อนอิสราเอลได้วางแผนการสมรู้ร่วมคิด โดยผ่านองค์กรมอสสาด(องค์กรลับของอิสราเอล) มาอย่างต่อเนื่องในการต่อต้านกับเวเนซุเอลามาโดยตลอด”
No Result
View All Result