เซเลนสกีเตือน การเจรจากับรัสเซียอาจยุติลง ขณะฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ให้คำมั่นถึงการสนับสนุนด้านอาวุธเพิ่มกับยูเครน
เมื่อวันที่ 29 เมษายน รัฐบาลยูเครนโดยการนำของประธานาธิบดีเซเลนสกี ประกาศเตือนว่า การเจรจาสันติภาพกับรัสเซียกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงว่าอาจจะล่มลง และกล่าวว่ารัสเซียกำลังโจมตีพื้นที่ทางตะวันออก ในขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐอเมริกาให้คำมั่นว่าจะอนุมัติการสนับสนุนด้านอาวุธใหม่จำนวนมากสำหรับยูเครน
ที่ผ่านมากองกำลังรัสเซียได้หันเหความสนใจไปยังพื้นที่ทางตะวันออกและใต้ของยูเครน หลังจากล้มเหลวในการยึดเมืองหลวงอย่างกรุงเคียฟในการจู่โจมเป็นเวลา 9 สัปดาห์ ซึ่งทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นซากปรักหักพัง ชาวยูเครนหลายพันคนถูกสังหาร และทำให้ชาวยูเครน 5 ล้านคนต้องหลบหนีไปยังต่างประเทศ โดยฝั่งรัสเซียยึดเมืองเคอร์ซอนทางตอนใต้ไว้ได้ และก็สามารถยึดครองพื้นที่เมืองมาริอูโปลได้เป็นส่วนใหญ่เช่นกัน
ยูเครนและรัสเซียไม่ได้จัดการเจรจาสันติภาพแบบต่อหน้ากันตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม และบรรยากาศก็ย่ำแย่ลง จากข้อกล่าวหาของยูเครนว่ากองทหารรัสเซียกระทำการทารุณ ในขณะที่ฝ่ายรัสเซียถอนตัวออกจากพื้นที่ใกล้กรุงเคียฟ ซึ่งฝั่งรัสเซียได้ปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว และหลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็จัดการเจรจาผ่านวิดีโอลิงก์
โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ระบุกับผู้สื่อข่าวในโปแลนด์ โดยแสดงความมองโลกในแง่ร้ายเกี่ยวกับโอกาสการเจรจาต่อเนื่องกับรัสเซีย และกล่าวถึงความโกรธของสาธารณชนต่อสิ่งที่เขากล่าวว่าเป็นความโหดร้ายของฝั่งรัสเซีย
.
“ความเสี่ยงที่การเจรจาจะจบลงมีสูง เนื่องจากสิ่งที่พวกเขา (รัสเซีย) ทิ้งไว้ข้างหลัง ความติดตรึงใจที่พวกเขามีคู่มือเกี่ยวกับการฆ่าคน” สำนักข่าว Interfax รายงานโดยอ้างคำกล่าวของเซเลนสกีกับนักข่าวชาวโปแลนด์
ทั้งนี้ ฝั่งรัสเซียระบุว่าได้เปิดฉากการรุกรานในระดับหนึ่ง จากความกังวลว่ายูเครนอาจเข้าร่วมกับ NATO พันธมิตรทางการทหารที่นำโดยสหรัฐฯ เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย ระบุว่ายูเครนจะได้รับหลักประกันด้านความมั่นคงจากประเทศต่างๆ ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หากยูเครนซื่อสัตย์ในการเจรจา
ขณะที่ทั้งสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรต่างแสดงท่าทีสนับสนุนยูเครนในการเจรจา แต่ก็กล่าวว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดหาอาวุธให้กับยูเครนต่อไป โดยเมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ร้องขอต่อสภาคองเกรส เพื่อขอความช่วยเหลือครั้งใหม่มูลค่า 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงอาวุธกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ด้วย ความช่วยเหลือดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรค และโฆษกสภาผู้แทนราษฎรอย่าง แนนซี เพโลซี ก็ระบุว่าเธอคาดหวังว่าแพ็กเกจช่วยเหลือครั้งใหม่นี้จะผ่านการอนุมัติอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ฝั่งยูเครนยังระบุว่ากำลังต่อสู้กับการยึดครองดินแดนในสไตล์จักรวรรดิ โดยมุ่งเป้าไปที่พื้นที่ดอนบาส หรือสองแคว้นของยูเครนในทางตะวันออก อันได้แก่โดเนตสก์และลูฮันสก์ เจ้าหน้าที่ฝั่งยูเครนยังระบุว่ารัสเซียโจมตีแนวหน้าทั้งหมดของโดเนตสก์ด้วยจรวด ปืนใหญ่ ระเบิดครก และอากาศยาน โดยส่วนหนึ่งเพื่อหยุดยั้งกองทหารยูเครนไม่ให้จัดกลุ่มกันใหม่ ส่วนกองทัพยูเครนระบุว่ารัสเซียกำลังเตรียมการโจมตีในพื้นที่เมืองไลมานในแคว้นโดเนสตก์ ตลอดจนเมืองเซเวโรโดเนตสก์และโปปาสนาในแคว้นลูฮันสก์ด้วย ขณะที่ในทางตอนใต้นั้น รัสเซีย ‘ยังคงจัดกลุ่มใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพการยิงและปรับปรุงตำแหน่ง’
ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า กองกำลังของตนได้โจมตีสถานที่จัดเก็บอาวุธของยูเครน ฐานที่มั่นทางทหาร ตำแหน่งของปืนใหญ่ รวมถึงโดรน และก่อนหน้านี้เรือดำน้ำดีเซลในทะเลดำได้โจมตีเป้าหมายทางทหารด้วยขีปนาวุธร่อน Kalibr ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่รายงานการโจมตีเช่นนี้จากเรือดำน้ำ
รัสเซียยังกล่าวด้วยว่า ขีปนาวุธพิสัยไกลที่มีความแม่นยำสูงได้ทำลายสถานที่ผลิตของโรงงานจรวดในกรุงเคียฟ ซึ่งฝั่งยูเครนก็บอกว่าการโจมตีดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีสร้างความเสียหายแก่อาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่ง ทำให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บ และคร่าชีวิตโปรดิวเซอร์หญิงรายหนึ่งของสื่อสหรัฐฯ อย่าง Radio Free Europe/Radio Liberty (RFE/RL) ด้วย และฝั่งสหรัฐฯ ยืนยันว่าการโจมตีดังกล่าวพุ่งเป้าไปที่การผลิตทางทหาร โดยไม่บอกว่าเป้าหมายถูกทำลายหรือไม่
ยูเครนยังยอมรับว่าสูญเสียการควบคุมเมืองและหมู่บ้านทางตะวันออกบางแห่ง แต่การที่รัสเซียสามารถควบคุมพื้นที่ดังกล่าว ก็มาพร้อมกับการที่กองทัพรัสเซียซึ่งอ่อนแรงลงจากการพ่ายแพ้ใกล้กับกรุงเคียฟ จะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่ไม่พึงปรารถนาอย่างหนัก
ส่วนสถานการณ์ในเมืองมาริอูโปลที่กำลังถูกยึดครองโดยรัสเซียเป็นส่วนใหญ่ และมีหายนะด้านมนุษยธรรมเกิดขึ้นอย่างเลวร้ายที่สุดในสงครามนั้น เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินกำลังรวบรวมศพผู้เสียชีวิตจากท้องถนน ขณะที่ผู้รอดชีวิตบอกกับ Reuters ถึงความยากลำบากในการอยู่ท่ามกลางการโจมตีและความหิวโหย ขณะที่ฝั่งยูเครนระบุว่ายังมีพลเรือนกว่าแสนคนเหลืออยู่ในเมือง และ อันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวระหว่างการเยือนกรุงเคียฟเมื่อวันพฤหัสบดีว่า กำลังหารืออย่างเข้มข้นเพื่ออพยพชาวยูเครนออกจากโรงงานเหล็กอาซอฟสตาลในเมืองแห่งนี้
No Result
View All Result