สนธิ โพสต์เตือนครั้งสุดท้ายจากจีนถึงประเทศไทย กรณีจุดยืนรัสเซียจากสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครน
Burapanews สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
Last Warning! คำเตือนครั้งสุดท้ายจากประเทศจีน ถึง ประเทศไทย
เมื่อวานนี้ วันที่ 31 มีนาคม ไปจนถึง วันที่ 4 เมษายน รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน นายหวังอี้ ได้เชิญ รัฐมนตรีประเทศอาเซียน 4 ประเทศ คือ พม่า ไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย เพื่อปรึกษาหารือ เรื่องความร่วมมือระหว่างกัน
ทำไมถึงเชิญแค่ 4 ประเทศ?
ลาว กัมพูชา เวียดนาม มีความชัดเจนแล้วว่า ยืนข้างรัสเซีย และจีน ไม่เข้าร่วมยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก
มาเลเซีย ถึงแม้ไม่แสดงท่าทีชัดเจน แต่การแสดงออกก็รู้อยู่ว่า ไม่เข้าร่วมยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก
บรูไนเป็นประเทศเล็ก ๆ วางเฉยในทุกสถานการณ์
สิงคโปร์ ติดรายชื่อแบล็กลิสต์ ของรัสเซีย และเป็นประเทศอาเซียนประเทศเดียว ที่ไปรายงานตัวต่อโจไบเด้น และหารือเรื่องแทรกแซงกิจการภายในพม่า จึงถูกตัดหางปล่อยวัด
สำหรับพม่านั้น ยืนข้างรัสเซีย และจีน เต็มตัวอยู่นานแล้ว และรัสเซีย จีน อิหร่าน ก็สนับสนุนพม่า ในการทำสงครามกับกบฏ ฝ่ายอองซานซูจี ที่ทางตะวันตก อเมริกา และอังกฤษหนุนหลัง รวมทั้งญี่ปุ่น ที่แอบเข้ามาพูดจาและสัญญาที่จะสนับสนุนชนกลุ่มน้อยให้ต่อสู้กับพม่า
แต่ที่จีนเชิญพม่าไป ก็เพราะต้องการแสดงออกให้เห็นว่า จีน รับรองรัฐบาลพม่า ซึ่งก็ต้องรวมไปถึงรัสเซีย อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ก็รับรองด้วยเช่นกัน
เป็นการแสดงท่าทีต่อประเทศไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ว่าพม่านั้น มีจีน
ยืนอยู่เบื้องหลัง รวมไปถึงรัสเซีย อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ทั้งหมดนี้ยืนข้างพม่า พร้อมที่จะสนับสนุนพม่าในทุกมิติ เหมือนกับการแสดงท่าทีให้อินโดนีเซีย ที่เคยทำตัวเป็นหัวหอกผลักดันไม่ให้เชิญพม่า มาประชุมกลุ่มประเทศอาเซียน
ส่วนอินโดนีเซียนั้น ทำตัวเจ้ากี้เจ้าการ ประสานงานเพื่อให้กลุ่มประเทศอาเซียนไปพบกับไบเดน ซึ่งก็ล้มเหลวไปแล้ว
การเชิญประเทศอินโดนีเซียไปครั้งนี้ เหมือนกับจะไปถามอินโดนีเซียว่า จะเอายังไงกันแน่
ฟิลิปปินส์ เคยมีประวัติศาสตร์ที่ถูกผู้ก่อการร้ายชาวมุสลิมยึดเกาะมินดาเนาไป ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด เพื่อแยกดินแดนไปหนหนึ่งแล้ว แต่ได้รัสเซีย และจีน ช่วยเหลือไว้ จึงกลับมาเป็นของฟิลิปปินส์
แต่ความใกล้ชิดของฟิลิปปินส์ กับสหรัฐอเมริกานั้น มีมาตั้งแต่ เคยอนุญาตให้สหรัฐอเมริกาตั้งฐานทัพที่อ่าวซูบิก (Subic Bay)
เพราะฉะนั้น ฟิลิปปินส์ จึงเป็นประเทศที่ยังแทงกั๊กอยู่ ก็เลยต้องเชิญไปตรวจสอบท่าที
สำหรับประเทศไทยนั้น จีนได้ประกาศชัดเจนแล้วว่า จะต่อต้านขัดขวางพันธมิตรอินโดแปซิฟิก ที่มีชื่อประเทศไทยอยู่ร่วมด้วย จากการประกาศของนายโจ ไบเดน เมื่อเร็วๆนี้ จีนประกาศชัดเจนว่า จะต่อต้านในทุกวิถีทาง
โปรดสังเกตคำว่า “ในทุกวิถีทาง”
และประเทศไทยเอง ผ่านนายดอน ปรมัตถ์วินัย และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำอะไรลงไปก็รู้ๆกันอยู่ และตอนนี้ได้รับผลกระทบอะไรกันบ้างก็รู้ๆกันอยู่ จึงต้องได้รับเชิญเพื่อพบปะและไต่ถาม ถึงท่าทีของประเทศไทย
ซึ่งเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทย ที่จะได้เคลียร์ความเข้าใจกัน จะได้อธิบายว่าทำไม ชื่อของประเทศไทยถึงปรากฏอยู่ในพันธมิตรอินโดแปซิฟิก ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านจีน
ซึ่งถ้าไทยยังเดินหน้าต่อไปเหมือนเดิม ทำตัวเป็นขี้ข้าของสหรัฐอเมริกา การต่อต้านขัดขวางทุกวิถีทางของจีน ก็คงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ในยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก เพื่อต่อต้านจีน รวมไปถึงการดำเนินการไม่ว่าจะเป็นทางการทูต หรือการปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะประเทศไทย ที่ยอมเป็นเครื่องมือของตะวันตก ด้วยการส่งอาวุธให้กบฏฝ่ายพม่า เพื่อไปโค่นล้มรัฐบาลพม่า
.
ดูๆไปแล้ว ประเทศไทย ชักจะเหมือนโปแลนด์เข้าไปทุกที มีหน้าที่รับอาวุธจากนาโต้ แล้วส่งข้ามพรมแดนโปแลนด์ ยูเครน เข้าไปช่วยเซเลนสกี ตัวตลกโลก
ทั้งหมดนี้ ผมคิดว่า นายดอน ปรมัตถ์วินัย และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะรู้ดีว่า นี่คือการคุยกันทางการทูต และเป็นการเตือนครั้งสุดท้ายของจีน
ถ้า พลเอกประยุทธ์ฯ และนายดอนฯ จะชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านก็เชิญตามสบาย ก็ขอให้ท่านผู้อ่าน ที่อ่านข้อเขียนผมในวันนี้ ให้รู้ว่า วันข้างหน้า ถ้าประเทศไทยต้องถูกลากเข้าไปในสงครามปราบปรามรัฐบาลพม่า โดยสหรัฐอเมริกาจะใช้เราเป็นหนังหน้าไฟ ถึงวันนั้นก็ขอให้รับทราบกันทั้งแคว้นแผ่นดินไทยว่า ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากคน 2 คน คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายดอน ปรมัตถ์วินัย
สนธิ ลิ้มทองกุล
1 เมษายน 2565
ที่มา คุยทุกเรื่องกับสนธิ