วิเคราะห์สถานการณ์วิกฤตยูเครน บทเรียนการชักศึกเข้าบ้านของยูเครน
burapanews สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เรื่องราววิกฤตที่กำลังจะเกิดเป็นสงครามในประเทศยูเครนกำลังเป็นข่าวดังสนั่นโลก และชาวโลกต่างติดตามสถานการณ์กันอย่างระทึกใจว่าจะเกิดเป็นสงครามใหญ่กันระหว่างพวกนาโตกับรัสเซียหรือไม่
เรื่องราวของยูเครนแม้ยังไม่จบ แต่ก็ชัดเจนแล้วว่าขณะนี้ได้มีการแบ่งแยกดินแดนยูเครนด้านตะวันออกสองแคว้นออกไปตั้งเป็นสาธารณรัฐใหม่ และสองสาธารณรัฐนี้ได้รับการรับรองจากรัสเซียว่าเป็นรัฐอิสระ
รัฐบาลใหม่ของสองรัฐอิสระได้ขอความช่วยเหลือจากรัสเซียจากการปะทะกับกองทัพของยูเครนซึ่งพยายามจะเข้ามายึดสองรัฐนี้กลับคืน จนมีผู้อพยพเข้าไปในรัสเซียถึง 800,000 คนจึงเป็นเหตุให้รัสเซียต้องส่งกองทัพเข้าไปช่วยเหลือสองรัฐอิสระนี้ในฐานะที่เป็นกองกำลังรักษาสันติภาพ
ทำให้กองทัพรัสเซียเผชิญหน้ากับกองทัพของยูเครนที่ชายแดนรัฐอิสระทั้งสองนี้กับยูเครน ในขณะที่รัฐบาลยูเครนก็พยายามเจรจาเพื่อให้สหรัฐและนาโตส่งกองทัพเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งถึงวันนี้ก็ไม่มีชาติใดพร้อมที่จะส่งกองทัพเข้าไปช่วยยูเครน อย่างมากก็แค่ส่งอาวุธให้คนยูเครนไปรบรัสเซียไปเจ็บไปตายกันเองตามใจชอบ
ในขณะที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่ารัฐบาลยูเครนเป็นรัฐบาลหน้าโง่ที่สุดแห่งโลก เป็นรัฐบาลที่มีผู้นำโง่ที่สุดของโลก และเป็นตัวตลกที่น่าขันที่สุดของโลก เพราะอยู่ดีไม่ว่าดี ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน จนบ้านเมืองพินาศฉิบหายวายวอดถึงปานนี้แล้วยังไม่รู้สึกตัว ยังคิดอ้อนวอนให้พวกนาโตส่งกองทัพเข้ามาทำการรบในประเทศของตัวเสียอีก อย่างนี้เรียกว่าโง่บ้าจนเสียสติไม่มีทางรักษาอีกแล้ว
บทเรียนของยูเครนเริ่มต้นจากไม่ตระหนักถึงความเป็นมิตรไมตรีและมาตุภูมิเดิมของตนที่เป็นรัสเซีย ประพฤติตนเป็นรัฐบาลขายชาติ ชักชวนให้กลุ่มประเทศนาโตเอาขีปนาวุธมาติดตั้งในดินแดนยูเครน เพราะคิดว่าเป็นการป้องกันการรุกรานจากรัสเซียซึ่งรัสเซียไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย เพราะถือว่ามีสายเลือดเดียวกัน
ยูเครนเห็นรัสเซียนิ่งเฉยก็ได้ใจ ระดมโหมเชิญชวนประเทศนาโตเข้ามาตั้งขีปนาวุธมากขึ้นและร้ายแรงมากขึ้นจนถึงขั้นที่เรียกว่าจ่อหัวรัสเซียแล้ว รัสเซียทักท้วงเท่าใดก็ไม่ฟัง ยังชักชวนประเทศนาโตเข้ามาช่วยและจะเข้าเป็นสมาชิกนาโตเพื่อให้ได้สิทธิ์ที่จะเอาประเทศนาโตเข้ามากินโต๊ะรัสเซีย
มาถึงขั้นนี้รัสเซียก็ทนไม่ไหว ส่งกองทัพ 180,000 คน เข้าประชิดชายแดนยูเครนทั้งสามด้าน คือด้านชายแดนรัสเซีย-ยูเครน ด้านชายแดนเบลารุส-ยูเครน และแถบทะเลดำ โดยส่งกองเรือจำนวนมากเข้าประจำการ รวมเป็นสามด้าน
เมื่อเป็นเช่นนี้ประเทศนาโตก็ผวา ต่างเกี่ยงกันเพื่อให้ชาติอื่นส่งทหารเข้าไปช่วยยูเครน แต่กลับไม่มีชาติใดยอมส่งทหารเข้าไปช่วยยูเครน ส่งเข้าไปบ้างจำนวนไม่มากก็ไปตั้งกำลังไว้ที่โปแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีดินแดนติดกับยูเครน ออกอาการว่าไม่อยากปะทะกับรัสเซียในดินแดนของยูเครน ถ้าหากรัสเซียยึดยูเครนแต่ไม่รุกเข้ามาที่โปแลนด์ ประเทศนาโตก็คงจะแซงก์ชั่นกันเฉยๆ ตามธรรมเนียม
พร้อมกันนั้นก็ป่าวร้องประกาศว่ารัสเซียจะบุกยูเครนทำให้เกิดการตื่นตระหนกตกใจ ทั้งนายทุนและผู้ลงทุนไหลออกนอกประเทศเป็นน้ำหลาก เศรษฐกิจของยูเครนพังพินาศ จน IMF จ้องเข้ายึด แต่ยูเครนก็ไม่กล้าเข้า IMF เพราะรู้พิษสงเป็นอย่างดีว่าการยอมเข้าไปเป็นทาสเป็นอย่างไร จึงพยายามดิ้นรนขอให้จีนช่วยเหลือ
เมื่อมีความตึงเครียดเกิดขึ้น เกิดสภาพความรู้สึกเหมือนกำลังจะเกิดสงคราม ชาวยูเครนก็อพยพออกไปอยู่ต่างประเทศกันแน่นขนัดทุกเที่ยวบิน มีสภาพไม่ต่างกับอัฟกานิสถานก่อนแตก จึงยิ่งเร่งความพังพินาศทางเศรษฐกิจของยูเครน
แต่รัสเซียก็ไม่บุกยูเครน ยังคงคุมกำลังตั้งมั่นไว้ที่ชายแดนทั้งสาม แต่เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดฝันก็เกิดขึ้น นั่นคือสองแคว้นของยูเครนที่ติดกับรัสเซียได้ประกาศแยกตัวเองตั้งเป็นสาธารณรัฐใหม่ จัดตั้งรัฐบาลปกครองสาธารณรัฐใหม่นั้นอย่างรวดเร็ว และต่อมารัสเซียก็ออกกฎหมายรับรองสภาพรัฐอิสระทั้งสองนั้น สภาพเช่นนี้เท่ากับยูเครนได้เสียดินแดนไปสองแคว้นแล้วโดยที่ยังไม่รู้ตัว
กองทัพยูเครนจึงรุกเข้าไปในสองรัฐอิสระเพื่อหวังยึดกลับคืนแต่ถูกกองกำลังของรัฐอิสระทั้งสองตอบโต้และได้ขอความช่วยเหลือจากรัสเซีย ดังนั้น กองทัพรัสเซียจึงเคลื่อนกำลังเข้าไปในสองรัฐอิสระ ขับไล่กองกำลังของยูเครนออกไปในฐานะที่เป็นกองกำลังรักษาสันติภาพ
ทำให้ประเทศนาโตตื่นตระหนกและเรียกร้องให้มีการเจรจาหยุดยิงกัน ซึ่งเป็นไปได้ว่าในที่สุดก็จะมีการเจรจาหยุดยิงกันโดยทุกฝ่ายรับรองรัฐอิสระทั้งสองนี้ และถ้าหากใครไม่ยอมหยุดยิงและส่งกองกำลังเข้าไปก็ต้องปะทะกับแสนยานุภาพของรัสเซียซึ่งพร้อมรบอยู่แล้ว
ในขณะเดียวกัน อีกสามแคว้นของยูเครนซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนสองรัฐอิสระและรัสเซียก็กำลังออกอาการที่จะแยกดินแดนออกเป็นรัฐอิสระตามสองรัฐอิสระไปด้วย และถ้าวันนั้นมาถึงก็เท่ากับยูเครนได้เสียดินแดนสามแคว้นไปโดยไม่รู้ตัว
นี่คือบทเรียนของการชักศึกเข้าบ้านที่ใครก็ตามจะต้องเร่งทำความเข้าใจ เพราะในบ้านเมืองของเรานี้หากมีการชักศึกเข้าบ้าน สักวันหนึ่งก็อาจมีการแบ่งแยกดินแดนชายแดนภาคใต้บางส่วนของภาคเหนือและบางส่วนของภาคอีสานออกเป็นสามรัฐอิสระก็ได้
และเมื่อตั้งตัวเป็นศัตรูกับจีน รัสเซีย อิหร่านและเกาหลีเหนือ หากเกิดเหตุเช่นนั้นขึ้นใครจะมาช่วยเหลือให้รอดพ้นจากการเสียดินแดนนั้นเล่า!
ดังนั้นใครที่ชักศึกเข้าบ้านก็ควรจะศึกษาบทเรียนของยูเครนให้ดีว่าการชักศึกเข้าบ้านนั้นเป็นอนันตริยกรรมที่ร้ายแรงที่สุดของชาติ ที่คนไทยทั้งประเทศจะไม่มีวันยอมและไม่มีวันให้อภัยโดยเด็ดขาด และเป็นการกระทำที่ทำให้ประเทศไทยเสี่ยงต่อการเสียดินแดนทั้งสามภูมิภาคแบบยูเครนอีกด้วย
บทความโดย สิริอัญญา
No Result
View All Result