เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น จัดเสวนา หลังชุมนุมหน้าองค์การสหประชาชาติ เรียกร้องรัฐบาลยุตินิคมอุตสาหกรรมจะนะ

Related posts

กระทรวงการต่างประเทศเตือน! คนไทย หากไม่จำเป็นขอให้เดินทางออกจากอิสราเอล

ตุลาคม 2, 2024

คณะทูตานุทูตประเทศมุสลิม 8 ประเทศ เข้าร่วมโครงการเสริมสร้างความเข้าใจและสานสัมพันธ์คณะทูตกลุ่มมุสลิม ณ จังหวัดยะลาและนราธิวาส

มิถุนายน 13, 2024

เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น จัดเสวนา หลังชุมนุมหน้าองค์การสหประชาชาติ เรียกร้องรัฐบาลยุตินิคมอุตสาหกรรมจะนะ

Burapanews รายงานว่า เมื่อวันที่8 ธ.ค. 64 เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น จัดวงเสวนาครั้งแรกภายหลังจากปักหลักชุมนุมที่ด้านหน้าที่ทำการองค์การสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก ในหัวข้อ “รวมพลคนถูก (ประยุทธ์) หลอก” ประกอบด้วยนายรุ่งเรือง ระหมันยะ จากเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น นายพชร คำชำนาญ จากภาคี save บางกลอย และนายวิทวัส เทพสง จากชาติพันธุ์ชาวเล

นายรุ่งเรือง ซึ่งเป็นบิดาของนางสาวไครียะห์ เปิดเผยความรู้สึกว่า “ที่มานั่งอยู่นี่คือการโดนหลอก เพราะปีที่แล้วพี่น้องเดินทางขึ้นมากรุงเทพฯ อุตส่าห์ให้ประยุทธ์หลอกถึงที่ ความบริสุทธิ์ของชาวบ้านเขาไม่คิดว่าผู้นำจะหลอกกันซึ่งหน้า หลอกแบบมีลายเซ็น แต่ลายเซ็นตัวเองก็จำไม่ได้ ถ้าเป็นภาษาบ้านเราคือ ไม่รู้หวัน คนที่ไม่รู้หวันเนี่ยไม่มีสิทธิ์ที่จะบริหารประเทศ ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรสาธารณะ”

“การเซ็นสัญญาโครงการนิคมอุตสาหกรรม ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ซึ่งต้องมีการมีส่วนร่วมหลายภาคส่วน ส่วนที่สำคัญที่สุดคือประชาชน เพราะการกำหนดอนาคตของชาวบ้าน ชาวบ้านเองเท่านั้นที่จะรู้ว่าอนาคตของเขาจะอยู่ยังไง” นายรุ่งเรือง กล่าว

ทางด้านนายพชร กล่าวเปรียบเทียบกับการต่อสู้ในกรณีบางกลอยว่า “กรณีบางกลอยกับพี่น้องจะนะใกล้เคียงกัน เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ไม่อาจต่อสู้เป็นรายกรณีได้แล้ว ทุกคนลองจินตนาการว่าเราอยู่ในพื้นที่แล้วโดนประกาศพื้นที่ป่าไม้ทับหัวลงไป ประกาศอุทยานแห่งชาติโดยไม่สนใจว่าจะมีบ้าน มีหลุมศพ มีป่าต้นสะดือ มันมีชีวิต มันมีผู้คนอยู่ตรงนั้น”

“ทุกกรณีที่เกิดขึ้นยิ่งตอกย้ำว่าบนแผ่นดินไทย จริง ๆ ไม่เคยมีที่ทางส่วนแบ่งให้กับประชาชนเราเลย ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องชาติพันธุ์หรือคนเมือง พวกเราที่เป็นประชาชนถึงจะอยู่ในที่ดินมาก่อน ดูแลรักษาทรัพยากรมาก่อน ก็ไม่ได้มีสิทธิ์บนที่ดินจริง ๆ สุดแท้แต่ผู้มีอำนาจจะบัญชา เปลี่ยนผังเมือง เวนคืนพื้นที่ ประกาศอุทยาน นี่คือสิ่งที่ผมรู้สึกอัดอั้น” นายพชร กล่าว

นายวิทวัส บอกเล่าถึงประสบการณ์ชาวเล ว่า “รัฐบาลได้แจกจ่ายงบประมาณให้ 46 ชุมชน 5 จังหวัด โดยแจ้งว่าคืนความสุขให้พวกเรา เรามีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานเหมือนพี่น้องจะนะ แต่ปัจจุบันชุมชนราไวกำลังถูกกระทำให้เป็นพื้นที่ยาเสพติด ช่วงโควิดก็ผลิตคอกล้อม และจะขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่”

“เวลาเราต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหา บอกให้ประยุทธ์ลงมา ๆ แต่ประยุทธ์ไม่เคยลงมาหาเรา ประยุทธ์ส่งคนสนิทที่ไม่ได้ตัดสินใจได้ลงมา ด้วยความที่พวกเราอยากให้มีการแก้ไขปัญหาเราก็เชื่อใจ ทำ MOU กัน ทำข้อตกลงกัน แต่เมื่อถึงเวลามันก็ใช้ไม่ได้ จนถึงตอนนี้ตั้งคณะนู้นนี้ขึ้นมา แล้วใครรับผิดชอบการแก้ไขปัญหา ผลกระทบนี้ก็มาจากการพัฒนาเหมือนกันกับกรณีพี่น้องจะนะ” นายวิทวัส กล่าวเปรียบเทียบกับท่าทีของรัฐบาลต่อกรณีการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมจะนะ

ขอขอบคุณ TheReporters