ประวัติวันลอยกระทง กับวิถีใหม่ของประเพณีเก่า
Burapanews รายงานว่า ผศ.คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ให้ความเห็นว่า การปรับตัวของประเพณีต่าง ๆ รวมถึงประเพณีลอยกระทงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ไม่เพียงแต่การปรับตัวตามสถานการณ์และสภาพแวดล้อมในแต่ละช่วง หากยังปรับเปลี่ยนไปตามความคิดต่อ “ความเป็นไทย” ที่เปลี่ยนไปด้วย
ผศ.คมกฤช อธิบายว่า ทุก ๆ ประเพณีใหญ่ของไทยมีการเปลี่ยนแปลงมาตลอด ตามเงื่อนไขและบริบทในช่วงเวลานั้น อย่างกรณีของประเพณีสงกรานต์ ที่แต่เดิมการสาดน้ำไม่ได้เป็นแกนหลักของประเพณี แต่ในยุคปัจจุบันความสนุกสนานจากการสาดน้ำกลับถูกให้ความสำคัญมากที่สุด
สำหรับประเพณีลอยกระทงที่หลายคนอาจไม่ได้ให้ความสำคัญเพราะไม่ได้ยึดโยงกับความเชื่อเรื่องพระแม่คงคา อีกหลายคนเลือกที่จะไม่ลอยกระทงเพราะไม่อยากเพิ่มขยะในแม่น้ำลำคลอง หรือในยุคโรคระบาดที่ผู้คนหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีผู้คนพลุกพล่าน แต่ ผศ.คมกริชก็เชื่อว่าลอยกระทงจะไม่หายไปง่าย ๆ เพราะเศรษฐกิจที่ต้องอาศัยการท่องเที่ยวจะสนับสนุนให้เทศกาลงานประเพณีหล่านี้ดำรงอยู่ต่อไป แต่ด้วยรูปแบบและจุดประสงค์ที่เปลี่ยนไป
“การปรับเป็นเรื่องบันเทิงเลย ก็อาจจะสูญเสียคุณค่าบางอย่างต่อชุมชน บางประเพณีมีคุณค่าในมิติจิตใจชุมชน แต่ไม่ใช่ทำไม่ได้ สุดท้ายต้องหาจุดลงตัวของการแสวงหาคุณค่าที่แท้จรองของประเพณี กับเรื่องของความบันเทิง”
“ประเพณีไม่หายไปหรอกแต่มันเปลี่ยน” นักวิชาการผู้สังเกตการณ์ความเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมประเพณีไทยกล่าว
ประวัติวันลอยกระทง
หนังสือเรื่องลอยกระทงที่จัดพิมพ์โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ให้ข้อมูลว่า ลอยกระทงเป็นพิธีเพื่อขอขมาต่อธรรมชาติ ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับ “ผี” โดยไม่ได้มีหลักฐานชัดเจนว่าเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อไร
เมื่อชีวิตผู้คนต่างอยู่รอดโดยพึ่งพาน้ำและดินมาแต่อดีต ดังนั้นผีน้ำและผีดิน ซึ่งต่อมาถูกเรียกว่า “แม่พระคงคา”และ “แม่พระธรณี” จึงได้รับการจัดพิธีขอขมาจากชาวบ้านที่อาจล่วงเกินไปเมื่อใกล้สิ้นสุดปีนั้น ๆ ทำให้วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ กลางเดือน 12 ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำขึ้นสูงสุด และถือเป็นการสิ้นสุดปีนักษัตรเก่า ถูกเลือกเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด
ต่อมาเมื่อดินแดนแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มรับอิทธิพลของศาสนาพุทธ-พราหณ์มาจากอินเดียเมื่อราว 2,000 ปีก่อน เอกกสารของลาลูแบร์ จึงมีการบันทึกไว้ถึงความหมายที่เปลี่ยนไปของการลอยกระทงที่เกิดขึ้นในราชสำนักของกรุงศรีอยุธยา ซึ่งให้ความหมายถึงการบูชาพระพุทธเจ้าและเทวดา แต่สำหรับชาวบ้านนั้นก็ยังคงปฏิบัติเช่นเดิม
ประเพณีลอยกระทงเป็นพิธีกรรมร่วมกันของผู้คนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีต
ในพม่ามีเรื่องเล่าว่า ครั้งพระเจ้าอโศกจะสร้างเจดีย์แต่ก็มีพญามารขัดขวาง จึงขอให้พระอรหันต์องค์หนึ่งช่วย ต่อมาพระยานาคเมืองบาดาลเข้าช่วยเหลือ สำหรับชาวพม่า พิธีลอยกระทงจึงถือเป็นการบูชาคุณพญานาค
ลาวเป็นอีกประเทศหนึ่งที่จัดประเพณี “ไหลเฮือไฟ” หรือลอยกระทงแบบลาวเป็นประจำทุกปี เนื่องจากชาวลาวมีวิถีชีวิตเกี่ยวเนื่องกับแม่น้ำสำคัญอย่างแม่น้ำโขง จนเป็นที่มาของประเพณีต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับน้ำ
ส่วนที่กัมพูชามีการจัดงานลอยกระทงถึง 2 ครั้งต่อปี ซึ่งเป็นเทศกาลรื่นเริงที่มีการแข่งเรือยาวและการแสดงพลุบริเวณทะเลสาบโตนเลสาบ
ประเทศอื่นในเอเชียอย่างอินเดียและจีนก็มีประเพณีที่คล้ายการลอยกระทงเช่นกัน ซึ่งมีที่มาและความเชื่อที่ต่างกันไป แต่โดยส่วนใหญ่ก็เพื่อขอขมา และขอพรให้เทพเจ้าช่วยปกป้องคุ้มครอง
No Result
View All Result