วุฒิสภา เสรี แฉ กลางสภาฯ มีนักการเมืองชักใยอยู่เบื้องหลังม็อบอย่างเป็นระบบ
Burapanews รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 ที่รัฐสภา ในการประชุมสมาชิกวุฒิสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา อภิปรายตอนหนึ่งระหว่างเสนอความเห็นแผนการปฏิรูปประเทศด้านการเมืองว่า “สถานภาพการเมืองของเรายังอยู่ในช่วงล้มลุกคุกคลาน และยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอที่จะพูดว่าเป็นความมั่นคง เราจะทำอย่างไรให้การเมืองดีขึ้น มีความสุจริตและเที่ยงธรรม ไม่ใช้เงินซื้อเสียงนำหน้า ให้การเมืองเป็นของประชาชน และพรรคการเมืองมีบทบาทสำคัญในการหาคนมารับสมัครเลือกตั้งที่ดีและมีคุณภาพ ที่ผ่านมาเข้าใจว่ากกต.พยายามทำงานเต็มที่
สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทราบดีว่าแม้มีกฎหมายเคร่งครัด แต่ในทางปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ การเงินนำหน้าการเมือง ซึ่งจะทำอย่างไรให้ประชาชนได้เรียนรู้ตั้งแต่วัยเยาว์เพื่อให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องเป็นหลักสูตรหรือมีหนังสือ ส่วนครูต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการแนะนำให้เยาวชนได้เข้าใจเรียนรู้สิ่งที่ถูกต้องว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้นเป็นอย่างไร มีความคิดและรู้สึกเดียวกันว่าเราต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันเดียวที่คนไทยเทิดทูน จงรักภักดีและไม่เกิดความขัดแย้งเรื่องความคิดเห็นเหล่านี้
กระทรวงศึกษาธิการมีส่วนสำคัญที่ต้องหาคำตอบว่าจะทำอย่างไรให้เยาวชนมีความรู้ความเข้าใจ ไม่ออกมาชุมนุมเรียกร้อง ไม่ตกเป็นเครื่องมือพรรคการเมืองในทางที่ผิดๆ เสียอนาคตตนเองและครอบครัวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่”
นายเสรี อภิปรายต่อว่า “สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นต้องได้รับการเรียนรู้ว่าสิ่งที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นเด็กและเยาวชน คนรุ่นใหม่คนรุ่นเก่าต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน แต่กระบวนการภายใต้กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้ให้มีประสิทธิภาพได้ จึงเกิดการที่คนไม่กลัวกฎหมาย กล้าทำความผิดต่อเนื่องทุกวัน โดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวข้องกับทางการเมือง มีคดีเกิดขึ้นมากมายทุกวัน และคนที่ถูกดำเนินคดีก็เป็นนักเรียน นักศึกษา เป็นคนเยาว์วัย กระทรวงศึกษาธิการจะมีวิธีอย่างไรให้เกิดการเรียนรู้และรู้ถึงมาตรการบังคับใช้กฎหมายว่าจะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยทุกคนต้องถูกบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง”
นายเสรี อภิปรายอีกว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ปัจจุบันในทางการเมืองเราก็พยายามที่ทำให้การเมืองดีขึ้น แต่ในสถานการ์ปัจจุบันเราต้องเรียนรู้ใหม่ว่ามันแตกต่างจากการที่เราเสนอไว้ก่อนหน้านี้ เราจะแก้ไขอย่างไรเพื่อให้สอดรับปัญหาปัจจุบันและต่อไปในอนาคต หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิฉัยว่ามีคนกระทำความผิดในการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เมื่อศาลตัดสินแล้วในหลักการสากล และหลักการนิติบัญญัติที่บังคับใช้กับคนในประเทศต้องยอมรับคำพากษา
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเราจะแก้อย่างไร เมื่อศาลตัดสินแล้วคนไม่ยอมรับคำตัดสิน มีการแสดงออก มีพฤติกรรมรุนแรงมากขึ้น ลบหลู่สถาบัน ทำให้เกิดความไม่สบายใจกับประชาชนทั้งประเทศ และข้อเรียกร้องคนเหล่านี้เราจะแก้อย่างไร เราจะต้องรู้ทัน และรู้วิธีแก้ปัญหา เพราะคนที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมือง ไม่ใช่เด็กเยาวชนที่ออกมาแสดงพฤติกรรมด้วยคำพูดและกริยาท่าทาง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมีนักการเมืองและคนที่พัวพันทางการเมืองโยงใยอยู่เบื้องหลังอย่างเป็นระบบ
มันเป็นสถานการณ์อุณหภูมิทางการเมืองที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และคนที่สร้างสถานการณ์ได้สร้างถ้อยคำให้สังคมเข้าใจผิด ศาลวินิจฉัยว่าบุคคลดังกล่าวกระทำความผิดล้มล้างการปกครอง แต่ถ้อยคำออกมาตอนนี้บิดเบือน หลอกลวงประชาชนและสังคมว่าไม่เอาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งก็ไม่มีใครเขาเอา ไม่มีใครตั้งเรื่อง ตั้งธงและตั้งประเด็น แต่คนที่ออกมาต่อต้านสร้างสถานการณ์ สร้างประเด็น สร้างเรื่องพูดเองเออเอง ทำให้ประชาชนที่ไม่ได้ตามเรื่องมาตั้งแต่แรกเข้าใจผิด ซึ่งมันก็ไม่ใช่ สิ่เหล่านี้เราจะให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างไร
ดังนั้น เราต้องช่วยกันแก้ไขปัญหา พรุ่งนี้ก็จะมีการเสนอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญอีก ที่มีคนบางกลุ่มใช้สถานการณ์เสนอร่างรัฐธรรมนูญที่มีเจตนาจะไม่ให้ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา ทั้งที่เรามีการปฏิรูปการเมืองและมีกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญที่ถูกต้อง ชอบธรรมและมีเหตุผล แต่ไม่ใช่ตามข้อเสนอที่เสนอมาในช่วงเวลานี้ ตนฝากถึงรัฐบาลว่าต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพกับคนที่เป็นต้นตอปัญหา และยับยั้งการกระทำที่สร้างปัญหาให้กับบ้านเรา เพื่อพัฒนาการเมืองให้ดีขึ้นในทิศทางที่ควรจะเป็น”
ที่มา ไทยโพสต์ออนไลน์
No Result
View All Result