ศึกชิงเก้าอี้ เจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง
Burapanews รายงานว่า หลังจากที่ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ เขียนจดหมายเปิดผนึกผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจของตัวเองถึง “สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช)” หรือ “เจ้าประคุณสมเด็จธงชัย” ระบุว่า
“กราบเรียนถึงท่านเจ้าประคุณ
หากท่านเจ้าประคุณไม่เห็นแก่เกล้ากระผม ซึ่งเป็นเพียงพระรุ่นลูกรุ่นหลานรูปหนึ่ง ไม่เห็นแก่การที่เกล้ากระผมจะยังครองผ้ากาสาวพัตร์ หรือจะลาสิกขาออกไปเป็นฆราวาสครองเรือน
แต่ขอความมีปัญญาญาณของท่านเจ้าประคุณ ได้โปรดตริตรองอย่างลึกซึ้งและอย่างแยบคายด้วยเถิด ขอให้ท่านเจ้าประคุณเห็นแก่การของพระศาสนา โดยเฉพาะก็ในส่วนของหนกลาง ซึ่งพระเดชพระคุณเป็นผู้บัญชาดูแลอยู่
เกล้ากระผมขออนุญาตบังอาจนำเรียน ด้วยเกล้ากระผมเห็นว่า การพระศาสนา โดยเฉพาะก็ในส่วนของหนกลาง จำเป็นต้องอาศัยพระผู้ใต้ปกครอง ซึ่งมีทั้งสติปัญญาและความสามารถช่วยสนองพระเดชพระคุณและรับใช้เพื่อความรุ่งเรืองก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก ทั้งนี้ไม่ว่าจะในส่วนของการเผยแผ่ การวิปัสสนา หรือการพระปริยัติ
เกล้ากระผม อาจประพฤติตนเป็นที่ไม่เรียบร้อยหรือเหมาะสม นี่เป็นโทษโดยส่วนตัวของเกล้ากระผมเอง และหากการประพฤติตัวนี้ สร้างความไม่พึงใจต่อพระเดชพระคุณ เกล้ากระผม กราบขอน้อมรับโทษในส่วนของความผิดนี้แต่โดยดี
ไม่ว่าพระเดชพระคุณ จะมีดำริอย่างไรในการลงโทษโดยชอบแก่พระธรรมวินัย เกล้ากระผมจะน้อมรับ และไม่ขัดขืนต่อคำสั่งนั้นเลย
เกล้ากระผมใคร่ขอความมีกรุณาคุณต่อพระเดชพระคุณเพียงอย่างเดียวว่า พระราชปัญญาสุธี ซึ่งเป็นอาจารย์ของเกล้ากระผม และรั้งตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสอยู่ตอนนี้ มิได้เป็นผู้มีความเกี่ยวข้องหรือมีมลทินหม่นหมองในส่วนใดเลย มิได้เป็นผู้หย่อนยานในการปกครองดูแลพระลูกวัด อย่างที่มีคนกล่าวอ้าง
ขอพระเดชพระคุณได้ทรงไว้ซึ่งความมีพรหมวิหารธรรมความเป็นธรรม ตลอดจนถึงความยุติธรรม ต่ออาจารย์ของเกล้ากระผมด้วย
เกล้ากระผมมิบังอาจคิดว่า สาสน์นี้จะไปถึงพระเดชพระคุณหรือไม่ มิบังอาจที่จะต่อรองหรือเรียกร้องอะไร แต่ในฐานะของพระลูกพระหลาน หรือแม้แต่พระที่อยู่ภายใต้การปกครองของพระเดชพระคุณท่าน เกล้ากระผมถือว่า สาสน์นี้เป็นส่วนของการกราบเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมอย่างที่สามารถทำได้
ขอพระคุณโปรดอยู่เหนือพระเดช และขอให้ท่านเจ้าประคุณโปรดเมตตาตริตรองโดยแยบคายด้วยเถิดขอรับ คณะสงฆ์จะแซ่ซ้อง สังฆมณฑลจะสรรเสริญ การพระศาสนาจะก้าวหน้า หากท่านเจ้าประคุณ ทรงอยู่ด้วยพรหมวิหารธรรมในการปกครองอย่างแท้จริง
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
เกล้ากระผม พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ
พระลูกวัดของวัดสร้อยทองพระอารามหลวง”
“เจ้าประคุณสมเด็จธงชัย” มีอำนาจในการแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดสร้อยทองหรือไม่ อย่างไร?
โดยปกติแล้วการแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดใดวัดหนึ่งย่อมเป็นไปตามพระราชบัญญัติปกครองคณะสงฆ์ไทย มิใช่นึกจะตั้งใครก็ได้ตามใจชอบ เช่น ผ่านความเห็นชอบจากเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัดเป็นต้น ซึ่งสำหรับกรณี “วัดสร้อยทอง” ที่อยู่ในกรุงเทพมหานครก็ต้องผ่าน “เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร” ที่ปัจจุบันก็คือ “พระธรรมวชิรมุนี (บุญชิต ณาณสังวโร)” เป็นผู้คัดเลือก จากนั้นก็นำเสนอตามลำดับการปกครองคือ ผ่านเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ที่ปัจจุบันก็คือ “สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช)” และผ่าน “มหาเถรสมาคม(มส.)” เพื่อพิจารณาเป็นขั้นตอนสุดท้าย
นายสิปป์บวร แก้วงาม รอง ผอ.รักษาราชการผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า
“ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองไปนำประเด็นเรื่องเจ้าอาวาสมาจากไหน หรืออาจจะเห็นจากนโยบายของพระธรรมวชิรมุนี (บุญชิต ณาณสังวโร) เจ้าคณะกรุงเทพฯ ที่มีนโยบายในการจะดูความประพฤติของพระสงฆ์ที่มีการออกทางสื่อออนไลน์ด้วย แล้วจึงอาจจะทำให้โยงไปถึงเรื่องเจ้าอาวาส ซึ่งการแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดที่เป็นพระอารามหลวงนั้น ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2561 และกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ.2541) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ 1 (พ.ศ.2563) ระบุว่า การแต่งตั้งเจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด และเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ให้เป็นไปตามพระราชดำริ ซึ่ง มส.ได้มีมติเสนอรายชื่อผู้จะเป็นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทองไปแล้ว ทั้งนี้ตนมองว่า ไม่ว่าใครจะมาเป็นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ท่านพระมหาไพรวัลย์ และพระมหาสมปอง ก็เป็นพระลูกวัดเช่นเดิม หากไม่ได้ทำผิดอะไรก็ไม่มีใครไปสึกท่านได้”
“ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์” นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา ม.มหิดล โพสต์เฟซบุ๊กว่า
“ขอแนะนำทีมเลขานุการเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี ซึ่งเป็นเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ถ้าจะแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ขอให้รีบตั้ง อย่าได้ชักช้า เรื่องการพระศาสนาแต่ไหนแต่ไรมา ถ้าคณะสงฆ์ดำเนินการชักช้าจะเป็นที่ติฉินนินทา หรือวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ผู้ไม่รู้ ไม่หยุด …ถ้าจะทำเพื่อรักษาพระธรรมวินัย ไม่ต้องไปสนใจว่าพระรูปไหนจะสึก หรือจะอยู่ โปรดรีบตั้งเสียให้เสร็จโดยเร็ว และถ้าจะให้ดี มอบหมายให้เจ้าอาวาสใหม่ รีบตั้งคณะพระวินัยธร สอบพระวินัยพระทั้ง 2 รูปนั้นด้วยก็จะดี…”
ด้าน “พุทธะอิสระ” อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุถึง 2พส.ว่า
“เสียดายผ้าเหลือง คนพวกนี้แค่เข้ามาอาศัยผ้าเหลืองหากินแท้ๆ 1 พฤศจิกายน 2564 เห็นบทสนทนาของมหาทั้งสองรูปแล้ว ทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นว่า สิ่งที่มหาทั้งสองทำอยู่และแสดงออก มองไม่เห็นเลยว่า พระพุทธศาสนาจะได้ประโยชน์อะไร พระธรรมวินัย ได้ประโยชน์อะไร สังฆมณฑลได้ประโยชน์อะไร และวัดสร้อยทองจักได้ประโยชน์อะไรกับพฤติกรรมของมหาทั้งสองรูปนี้”
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร คงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์