ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วิจารณ์รัฐประหารซูดานเป็นการก้าวถอยหลัง เรียกร้องกองทัพเร่งคืนอำนาจให้ประชาชน ยุติการใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วง
Burapanews สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโจ ไบเดน ออกแถลงการณ์ถึงสถานการณ์ประท้วงในซูดาน ซึ่งเป็นผลมาจากรัฐประหารเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา จนเหตุการณ์บานปลาย เกิดการเผชิญหน้าระหว่างทหารกับกลุ่มชุมนุม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 ราย ระบุว่าชาวซูดานต้องได้รับอนุญาตให้จัดกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างสันติ พร้อมเรียกร้องกองทัพยุติความรุนแรง ปล่อยตัวผู้ประท้วงที่ถูกจับกุม และคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็ว
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เป็นการก้าวถอยหลังครั้งใหญ่ แต่สหรัฐฯ จะยังคงยืนอยู่เคียงข้างชาวซูดาน และการต่อสู้ทางการเมืองด้วยสันติวิธีของพวกเขา” ข้อความในแถลงการณ์ระบุ พร้อมเสริมว่า “เสรีภาพ ความเสมอภาค การปกครองภายใต้หลักนิติธรรม และการเคารพสิทธิมนุษย์ ล้วนเป็นรากฐานสำคัญที่จะนำไปสู่ความมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองของซูดานในอนาคต เฉกเช่นเดียวกับที่อื่นๆ ทั่วโลก”
แถลงการณ์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า “ผู้นำและองค์กรต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงสหภาพแอฟริกา, สันนิบาตอาหรับ, สหภาพยุโรป, กองทุนการเงินระหว่างประเทศ, องค์การความร่วมมืออิสลาม, ธนาคารโลก และล่าสุดคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ต่างก็ส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังกองทัพซูดานว่า ชาวซูดานจะต้องได้รับอนุญาตให้เคลื่อนไหวทางการเมืองได้อย่างสันติ และกองทัพต้องคืนอำนาจให้กับประชาชนโดยเร็วเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านที่นำโดยรัฐบาลพลเรือน”
การก่อรัฐประหารในซูดานครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างกองทัพกับแนวร่วมภาคการเมืองและประชาชนในรัฐบาลเฉพาะกาลเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยนับตั้งแต่การโค่นประธานาธิบดีโอมาร์ อัลบาชีร์ ผู้นำเผด็จการที่ครองอำนาจยาวนาน 3 ทศวรรษ เมื่อเดือนเม.ย. 2562
ชาวซูดานจำนวนมากออกมาชุมนุมประท้วงบนถนนในกรุงคาร์ทูม และอีกหลายเมืองทั่วประเทศ หลังจากที่กองทัพก่อรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอับดัลลา แฮมด็อก ซึ่งได้ถูกทหารควบคุมตัวไปพร้อมกับภริยา และสมาชิกคณะรัฐมนตรีจำนวนหนึ่ง เมื่อวันจันทร์ (25 ต.ค.) ที่ผ่านมา จนสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น เมื่อมีการปะทะระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับกองทัพที่เข้ามาสลายการชุมนุม โดยมีรายงานว่าทหารใช้ทั้งกระสุนยางและกระสุนจริงยิงประชาชนที่ออกมาประท้วงส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตล่าสุดอย่างน้อย 11 ราย
ด้านพลเอกอับเดล ฟัตตาห์ อัล-เบอร์ฮาน ผู้บัญชาการกองทัพซึ่งเป็นผู้นำการก่อรัฐประหารในครั้งนี้ ได้ออกมาปกป้องการตัดสินใจเข้ายึดอำนาจว่า เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดสงครามกลางเมือง และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับหลายฝ่าย รวมถึงนายกรัฐมนตรีอับดัลลา ฮัมด็อก เพื่อเร่งจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลชุดใหม่
No Result
View All Result